เอเอฟพี – รัฐบาลจีนเดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ชี้เป็นยุทธศาสตร์หลักของแผนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ด้าน “เวิน เจียเป่า” หวั่น แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฉุดมูลค่าสินทรัพย์ของจีนให้ลดลง
ทั้งนี้ หู เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (23 มีนาคม) ว่า การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นยุทธศาสตร์การลงทุนสำคัญที่รัฐบาลจีนจะยึดถือและปฏิบัติต่อไป
ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ คือเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า จีนมีเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 739.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นในพันธบัตรสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดแทนที่รัฐบาลญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
เรื่องนี้ทำให้นักวิเคราะห์ชาวจีนหลายรายออกมาแสดงความไม่พอใจ ที่รัฐบาลในปักกิ่งไม่สามารถหาแหล่งลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพื่อเพิ่มเงินสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมหาศาลของตน
และเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของจีน ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางแผนของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จนทำให้เกรงกันว่า มาตรการดังกล่าวจะฉุดมูลสินทรัพย์ที่อิงกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ให้ตกต่ำลงด้วย
ต่อข้อกังวลดังกล่าว หู เสี่ยวเหลียน กล่าวว่า รัฐบาลจีนจะจับตาดูการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด “ฉันอยากจะย้ำว่า เราให้ความสนใจอย่างมากต่อความผันผวนของมูลค่าสินทรัพย์ที่เราไปลงทุนไว้” ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีนระบุ และยังกล่าวด้วยว่า วิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่ออัตราเติบโตเงินสำรองของจีน โดยพบว่าเงินสำรองของจีน ณ สิ้นปี 2551 มีมูลค่าถึง 1.95 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีเงินสำรองมากที่สุดในโลก
“ในตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่ จะพบว่ามีเงินทุนจำนวนมากไหลออก แต่ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับจีน แต่ถ้าดูปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศแล้ว จะพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเงินไหนเข้ามีจำนวนลดลง” หู เสี่ยวเหลียน กล่าวโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดของตัวเลข
อย่างไรก็ตาม สื่อภายในประเทศจีนได้รายงานไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเงินสำรองของจีนมีมูลค่าลดลงประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากสินทรัพย์ที่ไม่ได้อิงกับเงินดอลล่าร์มีมูลค่าลดลง