เอเอฟพี – ครอบครัวของ เกา จื้อเซิ่ง ทนายความนักสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของจีน ที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปีที่แล้วและหายตัวไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หลบหนีออกจากประเทศจีนและเดินทางมาถึงสหรัฐฯ แล้ว
กลุ่มสิทธิมนุษยชนเปิดเผย ภรรยา พร้อมทั้งลูกสาววัย 15 ปีและลูกชายวัย 5 ขวบของ เกา จื้อเซิ่ง หลบหนีออกมาจากประเทศจีนด้วยการเดินเท้ามายังประเทศไทย และเดินทางมาถึงสหรัฐฯ แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (11 มี.ค.) โดยเกิ่ง เหอ ภรรยาของเกาเปิดเผยต่อสถานีวิทยุเสรีเอเชียเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “เป็นเรื่องยากมากที่จะพาพวกเราออกมาจากประเทศจีนได้ เพื่อนๆ ที่ช่วยเหลือพวกเราหนีต่างพบความลำบาก และอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต”
การหลบหนีออกนอกประเทศดังกล่าว เกิดขึ้นในระหว่างที่หยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน เดินทางเยือนวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และเตือนรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ให้ “หยุดก้าวก่าย” กิจการภายในของปักกิ่งเรื่องสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ เกา จื้อเซิ่ง ครั้งหนึ่งเคยเป็นทนายความและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ชื่อดัง เขาเคยออกมากางแขนปกป้องประชาชนที่เรียกร้องการชดเชยจากรัฐบาล อาทิ กลุ่มคนงานเหมืองแร่ถ่านหิน, ชาวคริสเตียนใต้ดิน และนักเคลื่อนไหวลัทธิฝ่าหลุนกงที่รัฐบาลจีนสั่งห้าม
โดยเมื่อปี 2550 เขาได้เขียนจดหมายเปิดผนึกไปยังสภาคองเกรสสหรัฐฯ เนื้อหาตีแสกหน้ารัฐบาลปักกิ่งด้วยการกล่าวถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่อ่อนไหวที่สุดของจีน ส่งผลให้รัฐบาลวอชิงตันออกตัวประท้วงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเนื่องจากปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่หลังจากเขาเขียนจดหมายฉบับนี้แล้ว เกาเปิดเผยว่า เขาถูกคุมตัวไปทารุณกรรมอยู่หลายสัปดาห์ ทั้งถูกกระแสไฟฟ้าช็อตที่อวัยวะเพศ และใช้บุหรี่จี้ที่ตา
อย่างไรก็ตาม ในรายงานว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนประจำปีฉบับล่าสุด ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่รู้ว่าเกาอยู่ที่ไหน โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไร้ท์ส ในประเทศจีนเผยว่า เกาถูกฝ่ายความมั่นคงของรัฐจับตัวไปอีกครั้งจากหมู่บ้านของเขาในมณฑลส่านซี ทางตอนกลางของประเทศเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และไม่ได้ยินข่าวของเขาอีกเลยหลังจากนั้น
ขณะที่กลุ่ม ไชน่า เอด องค์กรของสหรัฐฯ ที่ช่วยเหลือชาวคริสต์ในจีนระบุว่า ทางกลุ่มได้ช่วยเหลือให้ครอบครัวของเกาบินมาที่ลอส แองเจลิส และเดินทางต่อไปยังฟีนิกซ์ ซึ่งที่ที่พวกเขาพำนักในปัจจุบัน
เกิ่งให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเสรีเอเชียต่ออีกว่า สามีของเธอไม่ได้หลบหนีออกมาเนื่องจากเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจ เธอเล่าว่าครอบครัวของเธอหลบหนีออกมาด้วยการเดินทางโดยรถไฟ จากนั้นก็ข้ามมาประเทศไทยโดยการเดินเท้า “เราเดินทั้งวันทั้งคืน มันเป็นเรื่องที่ลำบากแสนสาหัส”
เกิ่งยังได้ระบุว่า สมาชิกของฝ่าหลุนกงเป็นคนช่วยให้เธอหลบหนีออกมา อันสืบเนื่องมาจากเมื่อปี 2548 สามีของเธอได้เขียนจดหมายเปิดผนึกที่น้อยคนนักจะทำ ต่อว่าทางการจีนเกี่ยวกับการทรมานสมาชิกฝ่าหลุนกง ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งได้สั่งแบนลัทธิฝ่าหลุนกงตั้งแต่ปี 2542 เนื่องจากถูกมองว่าเป็น “ศาสนานอกรีต”
เกา ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2548 เพื่อประท้วงการปราบปรามลัทธิฝ่าหลุนกง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต”
การที่เกาลุกขึ้นมาปกป้องผู้ที่ถูกรังแกและเหยียบย่ำนั้น เขาได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากชีวิตของตัวเอง เพราะเกานั้นเกิดในครอบครัวชาวไร่ชาวนาในมณฑลส่านซี ซึ่งเป็นหนึ่งในมณฑลที่ยากจนที่สุดของประเทศ เขาเสียพ่อไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ทำให้แม่ต้องดูแลลูกทั้ง 7 ตามลำพังอย่างยากลำบาก
“ผมรู้ดีว่าคนจนเขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ดังนั้นผมจึงรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” เกากล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2548 พร้อมทิ้งท้ายว่า “ผมอยากได้เสรีภาพและระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งในประเทศจีนไม่มี”