เอเยนซี่- จีนเร่งสอบสวนกรณีที่มีข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 17 รายเข้ารับการปลูกถ่ายไตและตับในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายของจีน หวั่นกรณีดังกล่าวอาจกระพือให้ความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นของชาวจีนลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขของจีน ได้กล่าวไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงว่า “จีนคัดค้านการท่องเที่ยวเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะอย่างยิ่ง” และยังว่า หากโรงพยาบาลหรือบุคลากรด้านการแพทย์รายใดทำการปลูกถ่ายอวัยวะโดยผิดกฎหมาย จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรง
ทางการจีนได้สั่งห้ามการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ชาวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 เป็นต้นมา เนื่องจากยังมีชาวจีนอีกประมาณ 1.5 ล้านคนที่เข้าชื่อไว้เพื่อรอคิวปลูกถ่ายอวัยวะ
ข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อาจทำให้ความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นของชาวจีนโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง โดยความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศยังคงเปราะบางอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากความปวดร้าวจากอดีตยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ที่กองทัพญี่ป่นบุกรุกประเทศจีน และได้ทำทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยมสังหารชาวจีนนับแสน จนกระทั่งขณะนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยแถลงขอโทษจีนอย่างเป็นทางการ
คำสั่งของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้สอบสวนเรื่องนี้ ได้รายงานไว้ในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของรัฐบาลจีนไชน่า เดลี่ หลังจากสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ชาวญี่ปุ่น 17 คนต้องใช้เงินถึงคนละ 87,000 เหรียญสหรัฐฯ (3,045,000 บาท) เพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งราคานี้รวมไปถึงค่าเดินทาง ค่าที่พัก และการรักษาในโรงพยาบาลที่เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของจีนอีก 20 วัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานอีกว่า ด้วยการร้องขอจากโรงพยาบาล คนไข้ชาวญี่ปุ่นบางรายจะต้องกรอกประวัติโดยใช้ชื่อจีน ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้มีอายุระหว่าง 50-65 ปี และยังว่า อวัยวะที่ใช้ในการปลูกถ่ายส่วนใหญ่ได้มาจากนักโทษประหารชาวจีน
ด้านเจ้าหน้าที่จีน ระบุว่า การใช้อวัยวะของนักโทษนั้นจะเป็นการบริจาคด้วยความเต็มใจ โดยที่ศาล แพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต้องอนุมัติให้มีการปลูกถ่ายอวัยวะ และนักโทษจะต้องเซ็นยินยอมไว้ในเอกสาร
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ ยังรายงานด้วยว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะในจีนแต่ละปีนั้น มีจำนวนมากเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา
“การขาดแคลนผู้บริจาคและการขาดแคลนอวัยวะถือเป็นปัญหาร่วมในทุกประเทศ ไม่เฉพาะแต่ในจีน ดังนั้น การให้อวัยวะแก่คนไข้ภายในประเทศที่ต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน จึงมีความสำคัญมากที่สุด” นายเหมา ชีว์หนาน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน
นายหวง เจี้ยฝู รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขจีน ได้กล่าวในที่ประชุมทางการแพทย์ ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ว่า เมื่อปีที่แล้วทางกระทรวงได้ลงโทษโรงพยาบาล 3 แห่งที่ขายอวัยวะให้แก่ชาวต่างชาติ
เมื่อปี 2547 หนังสือพิมพ์ดิ อินดีเพนเด้นท์ ของอังกฤษ ได้รายงานไว้ในข่าวสืบสวนว่า การขายและการปลูกถ่ายอวัยวะในจีนรุ่งเรืองมากในตลาดใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนไข้ชาวญี่ปุ่น และในปี 2549 นักข่าวจากสำนักข่าวบีบีซีได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในเมืองเทียนจิน และแจ้งอย่างเปิดเผยว่าต้องการปลูกถ่ายอวัยวะตับให้แก่พ่อของเขาที่กำลังป่วยอยู่ จากนั้นเขาก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่าอวัยวะที่เขาต้องการจะหามาได้ภายใน 3 สัปดาห์
หลังจากที่มีข้อถกเถียงเรื่องการลักลอบขายอวัยวะในจีนมานานหลายปี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกมาระบุว่า จีนจะจัดตั้งระบบลงทะเบียนขึ้นมา เพื่อให้ผู้บริจาคและผู้รับอวัยวะได้ลงทะเบีนยไว้
ทางสำนักข่าวเกียวโดยังรายงานอีกว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจในเมืองโยโกฮามาของญี่ปุ่นได้สอบสวนชาวญี่ปุ่นวัย 52 ปี ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นนายหน้าให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเข้ามาปลูกถ่ายอวัยวะในจีน
รายงานข่าวจากสื่อของรัฐบาลจีนแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ศาลในเมืองเสิ่นหยาง ได้ตัดสินลงโทษ นายฮิโรยูกิ นากาเซ่ ที่มีความผิดฐานเป็นนายหน้าค้าการปลูกถ่ายอวัยวะในอินเทอร์เนต โดยนายนากาเซ่ถูกตัดสินให้จำคุก 14 เดือนและเสียค่าปรับ เขาเสียค่าปรับที่เมืองจีน แต่เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อรับโทษจำคุก
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเกียวโดรายงานเพิ่มเติม โดยอ้างแหล่งข่าวนิรนาม ว่านายนากาเซ่ยังต้องเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเตรียมการปลูกถ่ายอวัยวะในฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ การเป็นนายหน้าเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในญี่ปุ่น
ข้อกล่าวหาเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะครั้งนี้ อาจกระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ช็อคชาวจีนเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2546 เมื่อชายญี่ปุ่นจำนวน 400 คนและโสเภณีชาวจีนอีก 500 คนได้จัดเซ็กส์ ปาร์ตี้สามวันสามคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจูไห่
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ศาลสั่งจำคุกชาวจีน 14 คน ในจำนวนนี้ผู้จัดการโรงแรมที่ใช้จัดงานและโสเภณีอีก 1 คนได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต.
