xs
xsm
sm
md
lg

หัวหน้าหน่วยข่าวสหรัฐปูด จีนจ้องเพิ่มบทบาทระดับโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) เดินแถวเข้าไปยังมหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2551 - เอเอฟพี
เอเอฟพี – กองทัพจีนยังคงเน้นการยึดคืนไต้หวันเป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่การเสริมกำลังกองทัพเรือและจรวดของจีนถือเป็นลางบอกเหตุถึงบทบาทของจีนที่จะเพิ่มขึ้นในเวทีโลก ย้ำจีนกำลังเพิ่มความสามารถของขีปนาวุธ จรวดร่อน รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ในทศวรรษหน้าด้วย

นั่นเป็นข้อมูลที่ นายเดนิส แบลร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา รายงานต่อสภาคองเกรส และยังว่า การที่จีนต้องการจะรักษาความมั่นคงด้านการตลาด สินค้าเกษตร และพลังงาน เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้ส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศของจีนด้วย ซึ่งจะทำให้จีนยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ที่ต้องการให้จีนมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจ

“แต่ทางจีนก็ยังต้องการสร้างภาพและอิทธิพลในเวทีโลก เพื่อที่จะพัฒนาผลประโยชน์ตามชายแดน และเพื่อต่อต้านสิ่งที่อาจขัดต่อผลประโยชน์หรือความมั่นคงทางเขตแดนของจีน”

นายแบลร์กล่าวด้วยว่า ภายใต้การนำของพรรคก๊กมิงตั๋ง ประธานาธิบดีหม่า หยิง-เฉียว (Ma Ying-jeou) แห่งไต้หวันยังจะดำเนินการเจรจากับจีนต่อไป หลังจากความสัมพันธ์ของ 2 ฝ่ายหยุดชะงักไปนานถึง 9 ปี และนี่อาจมองในแง่ดีได้ว่า “ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายในยุคนี้จะเผชิญหน้ากันน้อยลง”

ขณะเดียวกัน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มองว่า การรวมไต้หวันเข้ากับจีนเพื่อยุติความเป็นศัตรูกันที่มีมานานถึง 60 ปี ถือเป็นสิ่งที่ชอบธรรม โดยนายแบลร์ได้ระบุว่า

“การเตรียมตัวให้พร้อมรับความขัดแย้งกับไต้หวันที่อาจจะเกิดขึ้นอีกนั้น ทำให้จีนต้องพัฒนาศักยภาพของกองทัพปลดแอกประชาชนและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ"

“ขณะเดียวกัน เราได้พิจารณาว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจีนได้เริ่มดำเนินโครงการใหม่ๆ มากมายเพื่อพัฒนากองทัพ และเริ่มทำให้เห็นเด่นชัดว่า บทบาทและหน้าที่ของกองทัพปลดแอกประชาชนของจีนนั้นอยู่นอกเหนือการรักษาผลประโยชน์ในดินแดนจีน” นายแบลร์กล่าว และยังระบุว่า ขณะนี้กองทัพเรือของจีนได้เดินทางสู่น่านน้ำไกลออกไป โดยได้ส่งเรือลาดตระเวณออกไปถึงน่านน้ำโซมาเลีย โดยอ้างภารกิจต่อต้านการปล้นสะดมทางน่านน้ำ

นอกจากนี้ กองทัพบกของจีนก็ได้ขยายบทบาทในระดับนานาชาติผ่านโครงการรักษาสันติภาพ และอาจจะเข้าร่วมกับสหประชาชาติในภารกิจสู้รบ จากเดิมที่จีนร่วมสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงทางทหารเท่านั้น

ส่วนโครงการด้านอวกาศนั้น จีนได้จัดให้โครงการอาวุธต่อต้านดาวเทียม (anti-satellite weapon) เป็นโครงการที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ

และสิ่งที่ทำให้กองทัพสหรัฐฯ มีความกังวลมากที่สุด คือการที่จีนได้เพิ่มความสามารถของขีปนาวุธ (ballistic missile) และจรวดร่อน (cruise missile) และในทศวรรษหน้าจีนยังจะเพิ่มความสามารถทางด้านอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย

“จีนยังมีการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลางที่นำทางโดยหัวรบแบบเคลื่อนที่ (maneuverable warhead) ซึ่งอาวุธชนิดนี้สามารถใช้โจมตีกองทัพเรือและฐานทัพของสหรัฐได้ด้วย” นายแบลร์กล่าว และยังเพิ่มเติมด้วยว่า “ระบบตอบโต้คำสั่ง การควบคุม และการเซ็นเซอร์ รวมทั้งรรบกวนการติดต่อทางดาวเทียม ยังถือเป็นภารกิจทางทหารที่สำคัญที่สุดของจีน”

โดยก่อนหน้านี้ นายฮานส์ คริสเตนเซน ผู้อำนวยการโครงการข่าวสารนิวเคลียร์ (Nuclear Information Project) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาจีนได้เพิ่มเที่ยวลาดตระเวณเรือดำน้ำโจมตีเป็น 12 เที่ยว และถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะเมื่อเปรียบเทียบกับการลาดตระเวน 7 ครั้งในปี 2550 และ 2 ครั้งในปี 2549

พร้อมกันนี้ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรือจีนอาจเป็นเพราะภารกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่าจีนพยายามขยายแนวป้องกันของกองทัพเรือไปทางด้านตะวันออกซึ่งก็คือมหาสมุทรแปซิฟิกนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น