ท่าที “รอ-ดู” จะผลักเศรษฐกิจจีนจมสู่เงินฝืด

เอเอฟพี-หลิว กั๋วจวิน เกิดปิ๊งโทรทัศน์ยี่ห้อของญี่ปุ่นเครื่องหนึ่งมานาน 6 เดือนแล้ว และก็ได้เทียวไปเทียวมาที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้อมๆมองๆโทรทัศน์เครื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ยังคิดรอดูไปอีกสักพัก

“ผมคิดว่าราคาสินค้าอาจจะลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ” เจ้าของร้านเครื่องจักรแห่งหนึ่งในมณฑลชายฝั่งตะวันออกบอก พลางชี้ไปที่ป้ายราคาสินค้า ที่ระบุตัวเลข 13,980 หยวน เขาพูดต่อว่า “ตอนนี้ ราคามันยังสูงมาก เกือบจะเท่ากับรายได้ประจำปีของคนที่นี่ ผมคิดว่าราคาที่สมเหตุสมผล น่าจะอยู่ที่ 5,000 หยวน”

ไม่เพียงนายหลิว ที่มีท่าที “รอ และดูไปก่อน” ในการซื้อสินค้า ชาวจีนอีกหลายล้านคนก็คิดอย่างเขาเช่นกัน แต่ความคิดท่าทีนี้เอง กลับเป็นปัญหาท้าทายใหญ่ที่สุดของรัฐบาลจีน ที่กำลังพยายามกอบกู้เศรษฐกิจในยามนี้ โดยกระตุ้นให้ประชาชนทั่วประเทศหันมาซื้อของมากขึ้น และหากประชาชนต่างมีท่าทีการจับจ่ายซื้อของเช่นนายหลิวแล้ว ภาวะเงินฝืด ก็จะเข้าจู่โจมเศรษฐกิจมังกรที่กำลังชะลอตัวอย่างหนัก โดยการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำปี 2551 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุจีดีพีไตรมาสสี่ ของประเทศจีน ขยับแค่ร้อยละ 6.8 โดยการเติบโตเศรษฐกิจทั้งปี 2551 โตที่ร้อยละ 9.0 ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ผู้นำในรัฐบาลใจเต้นเหงื่อตก

เมื่อราคาสินค้าเริ่มตกลง ผู้บริโภคก็จะแขวนการซื้อของใหญ่ๆไว้ก่อน เพราะต่างก็คิดว่าเดี๋ยวราคาจะต้องตกลงไปมากกว่านี้ ตอนนี้ เศรษฐกิจจีนยังไม่เข้าขั้นภาวะสินค้าราคาตก แต่กลุ่มเศรษฐกรหลายคนก็เตือนเสียงดังขึ้นว่า จีนต้องเจอเงินฝืดแน่

ในรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสำนักสถิติแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุอัตราเงินเฟ้อจีนตกลงเกือบถึงระดับศูนย์แล้ว ส่วนดัชนีผู้บริโภค หรือซีพีไอประจำเดือนธันวาคม(2551) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อนั้น อยู่ที่ร้อยละ 1.2 จัดเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 49 เดือน เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ราคาสินค้าจะดิ่งลงต่อไป หลังจากที่เงินเฟ้อทะยานสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี ที่ร้อยละ 8.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วมานี่เอง

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จีนจะต้องจมสู่เงินฝืดในปีนี้” หลู่ เจิ้งเหว่ย เศรษฐกรประจำอินดัสเทียล แบงค์ในเซี่ยงไฮ้ เชื่อ

“ผมต้องพูดๆๆกับลูกค้าทั้งวัน แทบทุกคนที่เข้ามาดู ต่างก็คิดเหมือนกันว่าราคาสินค้าจะตกลงเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ” หยาง เหยียนซวง พนักงานขายเครื่องซักผ้าที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เจิ้งโจว

ด้านรัฐบาลในกรุงปักกิ่งได้งัดมาตรการหลายชุดเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนซื้อสินค้า ชุดใหญ่ก็ได้แก่มาตรการอุดหนุนชาวชนบทซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังแจก 100 ถึง 150 หยวน แก่กลุ่มคนที่มีฐานะยากจน เป็นของขวัญวันตรุษจีนไปซื้อของ

ล่าสุดในสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลจีนได้เผยแผนลงทุน 850,000 ล้านหยวนในระบบประกันสุขภาพ เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวจีนเก็บเงินไว้ ก่อนหน้า ในเดือนพฤศจิกายน รัฐบาลก็ได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ 4 ล้านล้าน โดยมุ่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังลดดอกเบี้ยไปแล้ว 5 ครั้ง นับจากเดือนกันยายนมา

คำถามในตอนนี้ ก็คือ เมื่อรวมเงื่อนไขคือ นโยบายดังกล่าวข้างต้น และการลดราคาสินค้าของกลุ่มค้าปลีกแล้ว จะหยุดวงจรภาวะเงินฝืดได้หรือไม่?.