เอเอฟพี - สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ธ.ค.) ว่า จีนถือโอกาสน้ำมันดิบโลกราคาตก เริ่มลงมือเติมน้ำมันเข้าสู่คลังสำรองน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแล้ว
คลังสำรองน้ำมันจีนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ประกอบด้วยถังเก็บเชื้อเพลิงทั้งสิ้น 10 ถัง มีศักยภาพกักเก็บได้รวม 6.3 ล้านบาร์เรล และปฏิบัติการโดยบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป ผู้ผลิตน้ำมันชั้นแนวหน้าของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการกักเก็บข้างต้นเป็นเพียงแค่เฟสแรกเท่านั้น เพราะท้ายสุดศักยภาพในการกักเก็บเชื้อเพลิงของคลังสำรองแห่งนี้จะมากกว่า 50 ล้านบาร์เรลเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะกักเก็บน้ำมันที่ผลิตได้ในซินเจียงและนำเข้ามาจากประเทศคาซัคสถานที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนยอดลงทุนทั้งหมดของโครงการนี้สูงถึง 6,500 ล้านหยวน (950 ล้านเหรียญสหรัฐ) เฉพาะเฟสแรกลงทุนไป 856 ล้านหยวน
ด้านนักวิเคราะห์แสดงทัศนะว่า ปัจจุบันตลาดน้ำมันโลกซบเซาลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงกราวถึง 78% หลังจากทำลายสถิติราคาสูงสุดมากกว่า 147 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็บโอกาสดีสำหรับจีนในการเพิ่มจำนวนน้ำมันดิบนำเข้าและขยายคลังสำรองฯ
โจว เฟิงฉี อดีตเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นองค์กรวางแผนทางเศรษฐกิจระดับหัวกะทิของประเทศกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่คิดว่า มันไม่ใช่เวลาดีที่จะขยายคลังสำรองน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันยังสูงเกินไป แต่ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว เพราะราคาน้ำมันถูกลง”
ทั้งนี้ จีนเริ่มสร้างคลังสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ 4 แห่งบริเวณชายฝั่งตะวันออกในช่วงต้นทศวรรษนี้ ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 แห่งที่เริ่มปฏิบัติการแล้ว โดยจุดมุ่งหมายของการสร้างคลังสำรองน้ำมันก็เพื่อรับประกันการซัปพลายน้ำมันในช่วงเวลาที่จำเป็น เนื่องจากจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจกำลังขยายอย่างรวดเร็ว จึงต้องการพลังงานจำนวนมากมาเป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงงานต่างๆ ที่ผลิตสินค้าจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก
โดยคาดว่าคลังสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ในจีนทั้งหมดจะสามารถรองรับน้ำมันดิบได้ถึง 101.9 ล้านบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ และแตะ 145.9 ล้านบาร์เรลในปี 2010 โดยมีเป้า 511.9 ล้านบาร์เรลเป็นเป้าหมายระยะยาว
คลังสำรองน้ำมันจีนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ประกอบด้วยถังเก็บเชื้อเพลิงทั้งสิ้น 10 ถัง มีศักยภาพกักเก็บได้รวม 6.3 ล้านบาร์เรล และปฏิบัติการโดยบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป ผู้ผลิตน้ำมันชั้นแนวหน้าของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการกักเก็บข้างต้นเป็นเพียงแค่เฟสแรกเท่านั้น เพราะท้ายสุดศักยภาพในการกักเก็บเชื้อเพลิงของคลังสำรองแห่งนี้จะมากกว่า 50 ล้านบาร์เรลเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะกักเก็บน้ำมันที่ผลิตได้ในซินเจียงและนำเข้ามาจากประเทศคาซัคสถานที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนยอดลงทุนทั้งหมดของโครงการนี้สูงถึง 6,500 ล้านหยวน (950 ล้านเหรียญสหรัฐ) เฉพาะเฟสแรกลงทุนไป 856 ล้านหยวน
ด้านนักวิเคราะห์แสดงทัศนะว่า ปัจจุบันตลาดน้ำมันโลกซบเซาลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงกราวถึง 78% หลังจากทำลายสถิติราคาสูงสุดมากกว่า 147 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็บโอกาสดีสำหรับจีนในการเพิ่มจำนวนน้ำมันดิบนำเข้าและขยายคลังสำรองฯ
โจว เฟิงฉี อดีตเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นองค์กรวางแผนทางเศรษฐกิจระดับหัวกะทิของประเทศกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่คิดว่า มันไม่ใช่เวลาดีที่จะขยายคลังสำรองน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันยังสูงเกินไป แต่ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว เพราะราคาน้ำมันถูกลง”
ทั้งนี้ จีนเริ่มสร้างคลังสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ 4 แห่งบริเวณชายฝั่งตะวันออกในช่วงต้นทศวรรษนี้ ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 แห่งที่เริ่มปฏิบัติการแล้ว โดยจุดมุ่งหมายของการสร้างคลังสำรองน้ำมันก็เพื่อรับประกันการซัปพลายน้ำมันในช่วงเวลาที่จำเป็น เนื่องจากจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจกำลังขยายอย่างรวดเร็ว จึงต้องการพลังงานจำนวนมากมาเป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงงานต่างๆ ที่ผลิตสินค้าจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก
โดยคาดว่าคลังสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ในจีนทั้งหมดจะสามารถรองรับน้ำมันดิบได้ถึง 101.9 ล้านบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ และแตะ 145.9 ล้านบาร์เรลในปี 2010 โดยมีเป้า 511.9 ล้านบาร์เรลเป็นเป้าหมายระยะยาว