เอเยนซี่ - CIC ยักษ์ใหญ่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีนเข็ด สั่งงดลงทุนในธนาคารและสถาบันการเงินตะวันตกในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ย้ำจีนไม่มีแผนช่วยโลกกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
โหลว จี้เหว่ย ประธานบริษัทการลงทุนแห่งประเทศจีน (China Investment Corp -CIC) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีน (sovereign wealth fund ) กล่าวว่าขณะนี้ทางกองทุนหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในธนาคารและสถาบันการเงิน หลังจากขาดทุนมหาศาล และยังกังวลถึงความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลต่างชาติ
ทั้งนี้ CIC กองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน ก่อตั้งเมือเดือนกันยายนปีที่แล้ว(พ.ศ. 2550) ทำหน้าที่บริหารเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 6 ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมดของจีน จัดเป็นกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่สุดของโลก จากนั้นมา ซีไอซี เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในสถาบันการเงินและธนาคารต่างชาติ โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา ที่กำลังประสบวิกฤตอยู่ทุกวันนี้ โดย ได้ซื้อหุ้น 9.9 % ของมอร์แกน สแตนเลย์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และซื้อหุ้นของ แบล็กสโตน กองทุนขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกัน เพิ่มเติม จนมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 10% เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
“เราไม่แน่ใจว่ารัฐบาลต่างชาติจะเข้ามาลงทุนเพิ่ม หรืออุ้ม สถาบันการเงินต่างๆหรือไม่ นโยบายเปลี่ยนแทบทุกสัปดาห์ ดังนั้นเราจะต้องรอจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีการล้มของสถาบันการเงินเกิดขึ้นอีก” หลัว จี้เหว่ย กรรมการและหัวหน้าคณะผู้บริหารของ CIC กล่าว
การลงทุนในต่างแดนของ CIC ถูกวิจารณ์อย่างมาก หลังจากเกิดวิกฤตการเงินโลก ซึ่งทำให้มูลค่าหุ้นที่ CIC ถืออยู่ลดลงอย่างมาก จนทำให้ CIC ขาดทุนอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม โหลว จี้เหว่ย นายใหญ่ของ CIC ยืนยันว่าทางกองทุนยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในต่างแดนต่อไป แต่จะเบนเข็มมายังบริษัทในตลาดเกิดใหม่ ในประเทศกำลังพัฒนา
สำหรับข้อเรียกร้องของชาติตะวันตกที่ให้จีนเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตการเงินโลกนั้น โหลว จี้เหว่ย บอกว่า “จีนทำได้แค่ช่วยเหลือตัวเอง เพราะจีนมีประชากรมหาศาล และเศรษฐกิจจีนก็ยังไม่ใหญ่พอที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกได้ ถ้าจีนดูแลเศรษฐกิจในประเทศให้ดี ก็ถือว่าช่วยโลกได้มากแล้ว”
คำกล่าวของโหลว จี้เหว่ย แสดงให้เห็นว่า ตลาดการเงินโลกและเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างชัดเจน ส่วนผู้นำจีนก็หันไปพึ่งพิงเศรษฐกิจในประเทศ
สหรัฐอเมริกาและยุโรป ต่างคาดหวังจะได้เงินทุนสำรองต่างประเทศของจีนขนาด 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปลงทุนเพิ่มในธนาคารชาติตะวันตก หรือ แม้แต่กลุ่มการเงินมิซซูมิชิ ยูเอฟเจ ของญี่ปุ่นก็หวังจะให้จีนไปลงทุนเช่นกัน แต่ผู้นำการเงินทั้งในฮ่องกง ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ที่ใกล้ชิดกับแกนนำของรัฐบาลปักกิ่ง ต่างบอกว่า จีนคงไม่ลงทุนในสถาบันการเงินต่างแดนเพิ่มอีก
ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกก็คาดหวังว่า จีนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกโดยใช้จ่ายมากขึ้น แต่จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 586,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯที่รัฐบาลจีนประกาศ กลับใช้เพื่อสร้างถนนและทางรถไฟเสียมากกว่า การนำเข้าสินค้าของจีนนั้นดูเหมือนจะจำกัดมาก