เอเอฟพี – บริษัท ไชน่า อินเวสต์เม้นต์ คอร์ปอเรชั่นฯ(ซีไอซี)หรือ กองทุนเพื่อความมั่งคั่งซื้อหุ้นเพิ่มในแบล็คสโตน กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่เงินทุนเอกชนจากสหรัฐเป็น 12.5 % จากเดิมที่ถืออยู่ 9.9 %
เมื่อวันพฤหัสฯ(16 ต.ค.) แบล็คสโตน กรุ๊ปได้ลงนามตกลงรับข้อเสนอของซีไอซีในการถือหุ้นของบริษัทเพิ่มเป็น 12.5 % หรือมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้จีนก็ได้นำเงินจากคลังสำรองเงินตราระหว่างประเทศจำนวน 3,000 ล้านเหรียญซื้อหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 9.9 % ก่อนที่แบล็คสโตนจะกระจายหุ้นสู่สาธารณะ(ไอพีโอ) ในเดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในข้อตกลงเดิมที่กองทุนเพื่อความมั่งคั่งและแบล็คสโตนถูกกำหนดว่าไม่อนุญาตให้กองทุนฯและบริษัทในเครือถือเพิ่มหุ้นสามัญในแบล็คสโตนเพราะอาจทำให้ซีไอซีสามารถรุกคืบซื้อหลักทรัพย์ของสหรัฐได้มากถึง 9.99 % ทว่าปีนี้ข้อตกลงดังกล่าวกลับถูกแก้ไข โดยระบุให้ซีไอซีสามารถช้อนซื้อหุ้นเพิ่มในแบล็คสโตนได้เป็น 12.5 %
บริษัท ไชน่า อินเวสต์เม้นต์ คอร์ปอเรชั่นฯ(ซีไอซี)ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่กลับมีชื่อเสียงในด้านลบและมีหลายหน่วยงานเรียกร้องให้กองทุนเปิดเผยข้อมูล เพราะหลังจากซื้อหุ้นในบริษัทแบล็ตสโตน ก็ปรากฏผลตอบแทนไม่สู้ดีนัก สาเหตุมาจากการซื้อขายอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
โหล จี้เหว่ยประธานบริหารซีไอซี ระบุว่า วิกฤตการเงินโลกที่กำลังปั่นป่วนอยู่นั้นได้สร้างโอกาสอันงามในการลงทุน พร้อมชี้ด้วยว่าความระมัดระวังจะนำไปสู่ความสำเร็จ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของจีนที่ต้องการหาช่องทางใหม่ในการลงทุนทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีน ซึ่งมีจำนวนมากสุดในโลก โดยได้จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนวิสาหกิจแห่งใหม่ เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ