เอเจนซี - ทางการจีนสั่งยกเลิกกำหนดฉายหนังรักสัญชาติไต้หวันแบบสายฟ้าแลบ เพราะจุดเด่นของหนังสะท้อนภาพวัฒนธรรมไต้หวันช่วง 50 ปีที่ญี่ปุ่นเข้าปกครอง ขณะที่ทางการจีนแผ่นดินใหญ่แจงหนังขาดองค์ประกอบทางเทคนิกบางอย่างที่จีนกำหนด
เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อไต้หวันต่างจับตามองความเคลื่อนไหวของกองเซ็นเซอร์สำนักกิจการวิทยุ ภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งชาติจีน(SARFT) ที่เปิดเผยว่า เนื่องจากภาพยนตร์ Cape No.7 หรือ 《海角七号》/ไห่เจี่ยวชีห้าว ผลงานของผู้กำกับชาวไต้หวัน มีภาษาท้องถิ่น รวมถึงภาษาญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก และขาดบทบรรยายที่เป็นภาษาจีน ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาทางเทคนิกที่จีนได้ขอให้ผู้ผลิตทำการแก้ไข แต่ว่าไม่ได้รับการแก้ไข บวกกับช่วงปลายปีมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่รอคิวเข้าฉายเป็นจำนวนมาก ทาง SARFT จึงต้องตัดรายชื่อของ Cape No.7 ออกไปก่อน
ขณะที่เฉิน หยุนหลิน ผู้แทนเจรจาระดับสูงในกิจการไต้หวันของทางการจีนให้เหตุผลว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกทำให้แปดเปื้อน โดยการฉายภาพของชาวไต้หวันที่ยินยอมให้ถูกล้างสมองโดยลัทธิจักรวรรดินิยม(ญี่ปุ่น) หนังสือพิมพ์ไต้หวัน ยูไนเต็ด เดลี่ รายงานเมื่อวันจันทร์ (1 ธ.ค.) ด้านฝั่งผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ระบุว่า ยังคงมีความหวังว่า จะสามารถนำฉายที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้ในเร็วๆนี้
Cape No.7 เป็นเรื่องราวความรักของสาวไต้หวันกับหนุ่มญี่ปุ่นที่ต้องพรากจากกัน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นเดินทางกลับบ้านเกิดและถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวชาวไต้หวันผ่านทางจดหมาย อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ข้ามมาเปิดตัวที่เกาะฮ่องกงเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยบรรดาสื่อไต้หวันรายงานด้วยว่า เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้ชาวไต้หวันกลับมาดูหนังไต้หวันอีกครั้ง และนับตั้งแต่เข้าฉายเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมก็สามารถกวาดรายได้ถึง 400 ล้านเหรียญไต้หวัน แถมยังเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในโรงนานมากเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการเลื่อนฉาย Cape No.7 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการจีนปฏิบัติต่อค่ายหนังต่างชาติที่ต้องการนำผลงานนำฉาย ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยขวางไม่ให้เรื่อง เกอิชา ที่นักแสดงสาวจาง จื่ออี๋รับแสดงเป็นตัวนำของเรื่อง ซึ่งในตอนนั้นมีข่าวว่าเพียงเพราะในหนังเธอสวมชุดกิโมโนของญี่ปุ่น