หนุ่มสาวจีนเป้าหมายใหม่ของไวน์อิตาเลียน

รอยเตอร์ - เพิ่งไม่กี่ปีมานี้เอง บริษัทผู้ผลิตไวน์ในแคว้นทุสกานี ศูนย์กลางผลิตไวน์ของอิตาลี เคยกล่าวว่า ตลาดจีนยังไม่โตพอสำหรับการจำหน่ายไวน์ยี่ห้อดีมีระดับจากประเทศของตน

ทว่าเมื่อเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักในการนำเข้าไวน์จากอิตาลี ทำท่าว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอยู่รอมร่อในวันนี้ ผู้ผลิตไวน์คุณภาพเยี่ยมราคาแพงแดนมักกะโรนีจึงหันมาชายตามองจีนในทันที

ขณะเดียวกันไวน์ก็กำลังเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ที่นิยมดริ๊งกันมากขึ้นในแดนมังกร โดยเฉพาะพวกเศรษฐีใหม่นั้นจ่ายไม่อั้นสำหรับไวน์แพง ๆ สักขวดหนึ่ง

“วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบกับอิตาลีและตลาดไวน์แต่ดั้งเดิมที่อื่น ๆของเรา ส่วนจีนได้รับผลกระทบน้อยกว่าเยอะ ก็เลยมีความสำคัญมากขึ้น (ในฐานะตลาดส่งออก)” นายอาเลสซานโดร มุกไนโอลี หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านต่างประเทศของเอโนเตกา อิตาเลียนา ( Enoteca Italiana) ซึ่งเป็นสมาคมส่งเสริมไวน์ของอิตาลีอธิบาย

โดยไม่รอช้า เอโนเตกา อิตาเลียนา จึงจับมือกับบรรดาบริษัทผู้ผลิตไวน์กีอันตี (Chianti)ซึ่งเป็นไวน์แดงเลื่องชื่อของทุสกานี และไวน์ตลาดระดับบนคือโนบิเล ดิ มอนเตปูลชีอาโน (Nobile di Montepulciano) และ บรูเนลโล ดิ มอนตาลชิโน (Brunello di Montalcino) เปิดบ้านไวน์แห่งทุสกานี (The House of Tuscan Wine) ขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนส่งเสริมไวน์อิตาเลียนให้ผู้คนแดนมังกรได้รู้จัก และหวังว่าผู้ผลิตไวน์ในภูมิภาคอื่น ๆ ของอิตาลีจะเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมดังกล่าวในไม่ช้า

ขณะเดียวกันได้มีการลงทุนร่วมกันระหว่างภาคธนาคาร, องค์กรบริหารและหอการค้าของทุสกานี จำนวน 1 ล้าน 2 แสนยูโร (1 ล้าน 5 แสน 5 หมื่นดอลลาร์) โดยหลังจากจีนเปิดเสรีใบอนุญาตนำเข้าในปี 2550 แล้ว ยอดการนำเข้าไวน์ในประเทศจะพุ่งขึ้น

การบริโภคไวน์ในจีนโตร้อยละ 8 ต่อปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตไวน์บรูเนลโล

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมระบุว่า จีนอาจขยับขึ้นมาเป็นชาติผู้บริโภคไวน์รายใหญ่อันดับ 8 ของโลกภายในปี 2555 ก็เป็นได้

การแข่งขันดุเดือด

นายมุกไนโอลีกล่าวว่า อันที่จริงแล้ว ผู้ผลิตไวน์ของฝรั่งเศสและผู้ผลิตรายใหญ่อื่น ๆ หัวไวเรื่องศักยภาพการเติบโตของตลาดจีนยิ่งกว่าผู้ผลิตอิตาเลียน การแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจึงดุเดือดน่าดู

แต่ผู้ผลิตไวน์อิตาเลียนก็ทำการบ้านวิเคราะห์ตลาดจีนมาดี โดยเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคจากกลุ่มอายุระหว่าง 40-60 ปี ซึ่งเข้าใจกันว่ามีอำนาจซื้อมากที่สุด มาเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ อายุระหว่าง 20-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอาชีพมั่นคง เงินเดือนสูง และมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบตะวันตก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไวน์แดงถือเป็นสัญลักษณ์ของพวกชนชั้นสูงและความหรูหราในจีน โดยไวน์องุ่นที่ดื่มกันในจีนนั้นเป็นไวน์แดงถึงร้อยละ90 เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ไวน์อิตาเลียนที่ส่งขายในจีนยังมีมูลค่าน้อยนิดมากแค่ราว 20 ล้านดอลาร์ในปี 2550 เทียบกับยอดส่งออกไวน์อิตาเลียนทั้งหมด ซึ่งตกปีละประมาณ 3,500 ล้านยูโร

ทว่ายอดส่งออกไปจีนในปีที่แล้วก็นับว่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ64 ผลักดันให้อิตาลีติดอันดับชาติผู้ส่งออกไวน์ไปยังจีนรายใหญ่อันดับ 4 รองจากฝรั่งเศส,ชิลี และออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ในขณะที่ไวน์ของอิตาลีหวังรุกตลาดในจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ แต่ยอดขายในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าไวน์รายใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งกลับตกลง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ตกลงร้อยละ 3.6 หลังจากทางการสหรัฐฯ ได้มีการตรวจสอบกระบวนการผลิตไวน์จากอิตาลีชื่อดังบางยี่ห้อว่าเป็นของแท้หรือไม่? ส่งผลให้อิตาลีหลีกเลี่ยงการส่งออกไวน์ไปยังสหรัฐฯถึงครึ่งหนึ่ง