บลูมเบิร์ก - กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของจีนได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาล และขอให้ช่วยลดภาษีการขายเพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์จีนสามารถรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก
“สถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนเข้าขั้นวิกฤตแล้ว และเราหวังว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นความต้องการให้สูงขึ้น” นายเจิง ชิงหง กรรมการผู้จัดการบริษัทกว่างโจว ออโตโมบาย กรุ๊ป ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับโตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ กล่าวให้สัมภาษณ์ในงานกว่างโจว ออโต้ โชว์ เมื่อวันอังคาร(18 พ.ย.)
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในอุตสาหกรรมรถยนต์จีนในขณะนี้ไม่แตกต่างจากอุตสาหกรรมฯในสหรัฐฯและยุโรปที่ต่างก็กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ฉุดยอดขายในหลายค่ายรถยนต์ให้ทรุดตัวลง
จาง ซินนักวิเคราะห์จากบริษัทกั๋วไท่ จวินอัน ซีเคียวริตี้(Guotai Junan Securities Co.) ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า “อุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด แต่ขณะนี้รัฐบาลจีนยังไม่มีมาตรการใดมากระตุ้นความต้องการรถยนต์ ดังนั้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์คงต้องเดินหน้าเรียกร้องในเรื่องนี้ต่อไป”
ด้านโตโยต้าก็แถลงเมื่อวันอังคาร(17พ.ย.) ว่าได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ของบริษัทของปีนี้จาก 600,000 คันลงมาที่ 100,000 คัน ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติรายใหญ่สุดในจีนเช่นจีเอ็ม มอเตอร์ก็เปิดเผยอัตราการขยายตัวของยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ร้อยละ 9.3 โดยอัตราการขยายตัวของปีที่แล้วตลอดทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 19
จากความต้องการรถยนต์ที่ลดลงและการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้นเป็นเหตุให้ยอดขายรถยนต์ของบริษัทเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ป (SAIC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของจีน ลดงถึง 77 %
ด้านคุณเฉิน เจียงเกาผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานด้านอุตสาหกรรม ในสังกัดคณะกรรมาธิการด้านการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน(NDRC) เผยเมื่อเร็วๆนี้ว่า ปัจจุบันภาษีการขายรถยนต์ของจีนอยู่ในระดับสูงถึง 50 % แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาปรับลดภาษีการขายรถยนต์รุ่นประหยัดพลังงานเพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ