พวกผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ เดินเข้ารัฐสภาอีกรอบในวันพุธ(19) เพื่อแบมือขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ได้พูดเตือนมารอบหนึ่งแล้วในวันอังคาร(18)ว่า หากปล่อยไว้เนิ่นช้าจะทำให้อุตสาหกรรมของพวกเขาล้มละลาย และลากเอาเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯอื่น ๆ พังครืนตามไปด้วย
แต่ความช่วยเหลือที่หวังอาจจะไม่ได้มาอย่างง่ายดาย เพราะทั้งคณะรัฐบาลบุชและสมาชิกรัฐสภาหลายคนโดยเฉพาะทางพรรครีพับลิกัน ต่างแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการอัดฉีดเม็ดเงินให้แก่อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยตั้งคำถามว่า " บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์" อันได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด, และไครสเลอร์ จะมีความสามารถจ่ายคืนเงินกู้ที่รัฐบาลให้ไปได้หรือ รวมทั้งเหมาะสมแล้วหรือที่จะเอาเงินไปช่วยบริษัทที่ทำให้ตัวเองล้มเหลวไปเอง
หลังจากการปะทะคารมอันเผ็ดร้อนกันยาวนานถึงสี่ชั่วโมงกับคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาในวันอังคาร บรรดาผู้บริหารของ "บิ๊กทรี" ก็เดินหน้าต่อไป โดยจะไปพบกับคณะกรรมาธิการของสภาล่างในวันพุธ
จีเอ็มและไครสเลอร์นั้นได้ออกมาเตือนกันตรงไปตรงมาว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนที่บริษัททั้งสองจะไม่มีเม็ดเงินดำเนินธุรกิจ นักวิเคราะห์กล่าวว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายมากถึงขั้นที่ว่า คงจะต้องมีการปิดบริษัท ชำระบัญชีและขายสินทรัพย์ มากกว่าที่จะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายล้มละลาย
และกระทั่งฟอร์ดที่ยังมีสถานการณ์ที่ดีกว่าจีเอ็มอยู่บ้าง แต่บริษัทก็เตือนว่าหากว่าจีเอ็มต้องปิดตัวลง ก็อาจจะทำให้ฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯต้องสะดุดหยุดลงและส่งผลไปถึงโรงงานรถยนต์ของสหรัฐฯทั้งมวลด้วย
แต่ความช่วยเหลือที่หวังอาจจะไม่ได้มาอย่างง่ายดาย เพราะทั้งคณะรัฐบาลบุชและสมาชิกรัฐสภาหลายคนโดยเฉพาะทางพรรครีพับลิกัน ต่างแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการอัดฉีดเม็ดเงินให้แก่อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยตั้งคำถามว่า " บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์" อันได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด, และไครสเลอร์ จะมีความสามารถจ่ายคืนเงินกู้ที่รัฐบาลให้ไปได้หรือ รวมทั้งเหมาะสมแล้วหรือที่จะเอาเงินไปช่วยบริษัทที่ทำให้ตัวเองล้มเหลวไปเอง
หลังจากการปะทะคารมอันเผ็ดร้อนกันยาวนานถึงสี่ชั่วโมงกับคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาในวันอังคาร บรรดาผู้บริหารของ "บิ๊กทรี" ก็เดินหน้าต่อไป โดยจะไปพบกับคณะกรรมาธิการของสภาล่างในวันพุธ
จีเอ็มและไครสเลอร์นั้นได้ออกมาเตือนกันตรงไปตรงมาว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนที่บริษัททั้งสองจะไม่มีเม็ดเงินดำเนินธุรกิจ นักวิเคราะห์กล่าวว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายมากถึงขั้นที่ว่า คงจะต้องมีการปิดบริษัท ชำระบัญชีและขายสินทรัพย์ มากกว่าที่จะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายล้มละลาย
และกระทั่งฟอร์ดที่ยังมีสถานการณ์ที่ดีกว่าจีเอ็มอยู่บ้าง แต่บริษัทก็เตือนว่าหากว่าจีเอ็มต้องปิดตัวลง ก็อาจจะทำให้ฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯต้องสะดุดหยุดลงและส่งผลไปถึงโรงงานรถยนต์ของสหรัฐฯทั้งมวลด้วย