เอเจนซี - คณะมุขมนตรีมังกรอนุมัติโครงการและงบประมาณลงทุนมหาศาล เพื่อกระตุ้นความต้องการภายในอุ้มภาคการส่งออก อาทิ โครงการพลังงานมูลค่ารวมเกือบ 200,000 ล้านหยวน โครงการสร้างสนามบินในมองโกเลียใน ขยายโครงข่ายพลังงาน ตลอดจนการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราคืนภาษีส่งออก 3,770 รายการ โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคมนี้
หลังจากที่รัฐบาลจีนสร้างความฮือฮาด้วยการอนุมัติชุดแพคเกจกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ชนบท โครงสร้างพื้นฐาน เกษตรกรรม ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย งบประมาณ 586,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (4 ล้านล้านหยวน) ซึ่งเป็นมูลค่าราวร้อยละ 7 ของจีดีพีจีน เพื่อกระตุ้นความต้องการภายใน และอุ้มภาคการส่งออกจีนที่กำลังย่ำแย่เพราะตลาดต่างแดนซบเซาสืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบในวงกว้างถึงขนาดนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าออกมายอมรับว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกที่มีต่อประเทศจีนนั้น “เลวร้ายกว่าที่คาดไว้”
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ย.) รัฐบาลกลางได้เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ระบุ คณะมุขมนตรีจีน ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าเป็นประธานได้อนุมัติโครงการและงบประมาณในการลงทุนโดยรวมเกือบ 200,000 ล้านหยวน (29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับโครงการพลังงานเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ได้แก่ การสร้างท่อส่งก๊าซจากเขตปกครองตนเองชนชาติหุย หนิงเซี่ย ทางตะวันตกเฉียงเหนือไปยังเซินเจิ้นและฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางตอนใต้ของประเทศด้วยงบลงทุน 93,000 ล้านหยวน โครงการสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ 2 โรงมูลค่า 95,500 ล้านหยวน
โดยในเว็บไซต์ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนเปิดเผยวันพฤหัสบดีว่า จีนตั้งเป้าก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 10 โรงซึ่งแต่ละโรงจะมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้า 1,000 เมกะวัตต์ในมณฑลฝูเจี้ยน เจ้อเจียง และกว่างตง ขณะที่บริษัทปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของจีนก็จะเริ่มสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่มีศักยภาพกลั่นน้ำมัน 10 ล้านตันต่อปีในมณฑลเสฉวนด้วย
ด้านบริษัทสเต็ท กริด คอร์ป ออฟ ไชน่า ซึ่งให้บริการเครือข่ายการจ่ายพลังงานส่วนใหญ่ของประเทศจีน จะลงทุนเพิ่มอีก 2,700 ล้านหยวน (400 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อขยายโครงข่ายพลังงานในตอนกลางและตะวันตกของประเทศจีน
ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลจะมีการทุ่มงบอีก 17,400 ล้านหยวนสำหรับโครงการพิทักษ์แหล่งน้ำในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง, มณฑลกุ้ยโจว และเจียงซี รวมไปถึงการสร้างสนามบินพลเรือนในมองโกเลียในทางตอนเหนือและมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน และทุ่มเงินอีก 900,000 ล้านหยวนเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำภายใน 3 ปีข้างหน้า
อีกทั้งรัฐบาลยังได้เจียดเงินจากกองทุนรัฐบาลกลางเพื่อการฟื้นฟูซึ่งมีมากถึง 300,000 ล้านหยวนไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมจำนวน 51 แห่งในมณฑลเสฉวน กันซู่ และส่านซี และจะให้เงินสนับสนุนเพื่อไปฟื้นฟูอุตสาหกรรมป่าไม้ที่ถูกเล่นงานด้วยพายุหิมะเมื่อช่วงต้นปีและแผ่นดินไหวภายในปี 2010 โดยจะมีการมอบ “เงินอุดหนุนจำนวนที่พอเหมาะ” ให้แก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อช่วยสร้างบ้านเรือนที่เสียหายขึ้นมาใหม่
ขณะเดียวกันเพื่อช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกที่ชะลอตัว เนื่องจากโรงงานในเขตอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของประเทศปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราชะลอตัวที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คณะมุขมนตรียังได้อนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราคืนภาษีส่งออกสินค้า 3,770 รายการ หรือคิดเป็น 27.9% จากจำนวนสินค้าส่งออกทั้งหมดที่ส่งออกโดยจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร สินค้าที่เน้นแรงงานคน เป็นต้น โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
รัฐบาลยังระบุว่าจะยกเลิกภาษีส่งออกสำหรับสินค้าประเภทเหล็ก เคมีภัณฑ์ และธัญพืช และจะปรับลดภาษีส่งออกปุ๋ย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจีนได้ปรับเพิ่มอัตราคืนภาษีส่งออกในสินค้าหลายประเภทเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากยอดการส่งออกของจีนเริ่มถดถอย โดยยอดส่งออกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาขยายตัว 19.2% จากปีก่อนหน้า ชะลอตัวจากที่ขยายตัว 21.5% ในเดือนกันยายนหรือคิดเป็น 128,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากที่รัฐบาลจีนสร้างความฮือฮาด้วยการอนุมัติชุดแพคเกจกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ชนบท โครงสร้างพื้นฐาน เกษตรกรรม ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย งบประมาณ 586,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (4 ล้านล้านหยวน) ซึ่งเป็นมูลค่าราวร้อยละ 7 ของจีดีพีจีน เพื่อกระตุ้นความต้องการภายใน และอุ้มภาคการส่งออกจีนที่กำลังย่ำแย่เพราะตลาดต่างแดนซบเซาสืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบในวงกว้างถึงขนาดนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าออกมายอมรับว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกที่มีต่อประเทศจีนนั้น “เลวร้ายกว่าที่คาดไว้”
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ย.) รัฐบาลกลางได้เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ระบุ คณะมุขมนตรีจีน ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าเป็นประธานได้อนุมัติโครงการและงบประมาณในการลงทุนโดยรวมเกือบ 200,000 ล้านหยวน (29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับโครงการพลังงานเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ได้แก่ การสร้างท่อส่งก๊าซจากเขตปกครองตนเองชนชาติหุย หนิงเซี่ย ทางตะวันตกเฉียงเหนือไปยังเซินเจิ้นและฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางตอนใต้ของประเทศด้วยงบลงทุน 93,000 ล้านหยวน โครงการสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ 2 โรงมูลค่า 95,500 ล้านหยวน
โดยในเว็บไซต์ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนเปิดเผยวันพฤหัสบดีว่า จีนตั้งเป้าก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 10 โรงซึ่งแต่ละโรงจะมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้า 1,000 เมกะวัตต์ในมณฑลฝูเจี้ยน เจ้อเจียง และกว่างตง ขณะที่บริษัทปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของจีนก็จะเริ่มสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่มีศักยภาพกลั่นน้ำมัน 10 ล้านตันต่อปีในมณฑลเสฉวนด้วย
ด้านบริษัทสเต็ท กริด คอร์ป ออฟ ไชน่า ซึ่งให้บริการเครือข่ายการจ่ายพลังงานส่วนใหญ่ของประเทศจีน จะลงทุนเพิ่มอีก 2,700 ล้านหยวน (400 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อขยายโครงข่ายพลังงานในตอนกลางและตะวันตกของประเทศจีน
ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลจะมีการทุ่มงบอีก 17,400 ล้านหยวนสำหรับโครงการพิทักษ์แหล่งน้ำในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง, มณฑลกุ้ยโจว และเจียงซี รวมไปถึงการสร้างสนามบินพลเรือนในมองโกเลียในทางตอนเหนือและมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน และทุ่มเงินอีก 900,000 ล้านหยวนเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำภายใน 3 ปีข้างหน้า
อีกทั้งรัฐบาลยังได้เจียดเงินจากกองทุนรัฐบาลกลางเพื่อการฟื้นฟูซึ่งมีมากถึง 300,000 ล้านหยวนไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมจำนวน 51 แห่งในมณฑลเสฉวน กันซู่ และส่านซี และจะให้เงินสนับสนุนเพื่อไปฟื้นฟูอุตสาหกรรมป่าไม้ที่ถูกเล่นงานด้วยพายุหิมะเมื่อช่วงต้นปีและแผ่นดินไหวภายในปี 2010 โดยจะมีการมอบ “เงินอุดหนุนจำนวนที่พอเหมาะ” ให้แก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อช่วยสร้างบ้านเรือนที่เสียหายขึ้นมาใหม่
ขณะเดียวกันเพื่อช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกที่ชะลอตัว เนื่องจากโรงงานในเขตอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของประเทศปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราชะลอตัวที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คณะมุขมนตรียังได้อนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราคืนภาษีส่งออกสินค้า 3,770 รายการ หรือคิดเป็น 27.9% จากจำนวนสินค้าส่งออกทั้งหมดที่ส่งออกโดยจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร สินค้าที่เน้นแรงงานคน เป็นต้น โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
รัฐบาลยังระบุว่าจะยกเลิกภาษีส่งออกสำหรับสินค้าประเภทเหล็ก เคมีภัณฑ์ และธัญพืช และจะปรับลดภาษีส่งออกปุ๋ย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจีนได้ปรับเพิ่มอัตราคืนภาษีส่งออกในสินค้าหลายประเภทเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากยอดการส่งออกของจีนเริ่มถดถอย โดยยอดส่งออกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาขยายตัว 19.2% จากปีก่อนหน้า ชะลอตัวจากที่ขยายตัว 21.5% ในเดือนกันยายนหรือคิดเป็น 128,300 ล้านเหรียญสหรัฐ