xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจฮ่องกงส่อเค้าชะลอ หุ้นร่วง-ธุรกิจใหญ่ปิดกิจการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮ่องกงยามค่ำคืน
เอเชี่ยน วอลสตรีท เจอร์นัล – วิกฤตการเงินและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง ธุรกิจยักษ์ใหญ่ต้านพิษไม่ไหวปิดตัวระนาว วาณิชธนกิจพากันลดเงินลงทุนและปลดพนักงาน ดัชนีฮั่งเส็งตกฮวบ 50%กูรูเชื่อหากเป็นเช่นนี้ต่อไปฮ่องกงอาจถูกเซี่ยงไฮ้หรือสิงคโปร์ชิงเป็นศูนย์กลางการเงินโลก

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้รายงานตัวเลขดัชนี PMI (purchasing managers index) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการขยายตัวของอุตสาหกรรมภาคการผลิตในเดือนตุลาคม ปรากฏว่าดิ่งลงต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เพราะงานใหม่จากแผ่นดินใหญ่ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ขณะที่ยอดค้าปลีกของฮ่องกงในเดือนกันยายนขยายตัวจากปีก่อนหน้าแค่ 6.9% เท่านั้น ลดลงจากเดือนสิงหาคมที่ขยายตัวอยู่ที่ 10.2%

โดยก่อนหน้านี้ จอห์น เจิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฮ่องกงกล่าวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น และในวันต่อมาฮ่องกงก็ได้ประกาศตัวเลขการค้าระหว่างประเทศครึ่งปีแรก ปรากฏว่าขาดดุลถึง 48,600 ล้านเหรียญฮ่องกง (6,270 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเป็นยอดขาดดุลที่รุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาธุรกิจชื่อดังในฮ่องกงพากันปิดกิจการ ในจำนวนนี้ได้แก่บริษัท Tai Lin Radio Services ร้านค้าปลีกสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปิดกิจการมายาวนานถึง 60 ปี บริษัท U-Right International Holdings ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าซึ่งมีร้านค้าในฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่นับร้อยแห่ง รวมไปถึงร้านค้าเฟรนไชส์ Krispy Kreme Doughnuts นอกจากนี้หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดของฮ่องกงอย่าง Hutchison Whampoa ก็เผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทจะระงับการลงทุนจนกระทั่งถึงเดือนมิถุนายนปีหน้า และจะทบทวนการลงทุนใหม่ทั้งหมด

แม้แต่บิ๊กสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นเสาค้ำเศรษฐกิจฮ่องกงก็พากันลดค่าใช้จ่ายลง อย่างเช่น Merrill Lynch&Co. และ UBS ก็ตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายในเอเชียลง ธนาคาร HSBC Holding ลดจำนวนพนักงานลงถึง 1,100 อัตราในฝ่ายการตลาดและการธนาคารทั่วโลก โดยที่ฮ่องกงโดนไป 100 อัตรา นอกจากนี้ทาง CLSA บริษัทหลักทรัพย์ในเครือ Credit Agricole SA สาขาฮ่องกงก็ตัดสินใจจะปรับลดเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ธนาคารและผู้บริหารระดับสูง 80% จาก 520 คนลง 25% ในปีหน้านี้ด้วย

นอกจากนี้ เมืองอุตสาหกรรมทางตอนใต้ที่กำลังประสบปัญหาของจีนก็ยังมาซ้ำเติมอีกเพราะเจ้าของโรงงานส่วนใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ท่ามกลางกระแสการปลดพนักงานและการปิดโรงงานทางตอนใต้ของจีนสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งฮ่องกงเปิดเผยว่า มีบริษัทประมาณ 17,500 แห่งกำลังจะล้มละลายภายในเดือนมกราคมปีหน้านี้

ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบ โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏว่าดิ่งฮวบลงถึง 50% แม้ว่าภายหลังดัชนีจะดีดตัวขึ้นเล็กน้อยก็ตาม ส่วนบรรดาเจ้าของที่ก็เริ่มลดค่าเช่าออฟฟิศลง หลังจากราคาอสังหาริมทรัพย์เคยดีดตัวสูงขึ้นถึง 5 เท่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา

ด้วยสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ของฮ่องกง นับว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อความพยายามที่จะขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก เนื่องจากฮ่องกงกำลังเผชิญหน้ากับแรงแข่งขันที่สูงขึ้นจากเซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง 

ด้าน หลี่ จี้ว์เหวย ศาสตราจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย City University of Hong kong เชื่อว่าแผนการที่จะพัฒนาเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินอิสลาม และแผนการอื่นๆ ที่ฮ่องกงเคยประกาศไว้นั้น “คงต้องพับเก็บเข้าลิ้นชัก”
กำลังโหลดความคิดเห็น