เอเจนซี่ – รัฐบาลจีนออกมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งลดภาษี ลดเงินดาวน์ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ หวังกอบกู้ภาคอสังหาฯ และรับมือวิกฤตการเงินโลก
หลังจากที่มีข่าวรัฐบาลท้องถิ่นมากกว่า 18 เมือง ทั้งเซี่ยงไฮ้ หังโจว กวางโจว ซีอาน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาตกต่ำลง และยอดขายลดลงมากว่า 4 เดือน จนผู้ซื้อบ้านหลายคนเรียกร้องขอคืนบ้าน ล่าสุดเมื่อวานนี้ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรจีน ได้มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วยมาตรการ ดังนี้
มาตรการทางภาษี มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน
• ประชาชนที่ซื้อบ้านหลังแรก พื้นที่น้อยกว่า 90 ตารางเมตร ลดภาษีโฉนดลงเหลือ 1% (อัตราเดิม 3-5%)
• ยกเลิกภาษีอาการแสตมป์ในการซื้อขายบ้านและที่ดิน (เดิมเก็บอัตรา 0.05%)
• ยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มในการซื้อขายบ้าน (เดิมเก็บอัตรา 30-60%)
• อนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อจูงใจในการซื้อบ้าน
มาตรการทางการเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม
• ผู้ซื้อบ้านหลังแรก ไม่จำกัดขนาดพื้นที่ สามารถวางเงินดาวน์เพียง 20% (เดิม 30%) นอกจากนี้ยังสามารถขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมณฑลได้ 1 แสนหยวน
• ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อช่วยเหลือการซื้อบ้าน ลง 0.27% ยกเว้นเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่อำเภอเวิ่นชวนให้ สนับสนุนอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดและให้เงินสนัับสนุนเพิ่มสำหรับผู้ที่จะสร้างบ้านใหม่
มาตรการครั้งนี้ถือเป็น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางการจีนควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเคร่งครัด เพราะกลัวปัญหาฟองสบู่ และต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ซื้อบ้านนอกจากจะได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลกลางแล้วยังได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่แตกต่างกันไป จากรัฐบาลท้องถิ่นอีกด้วย
หนังสือพิมพ์ซินไคว้เป้า ได้ยกตัวอย่าง สิทธิพิเศษที่ผู้ซื้อบ้านในเมืองกว่างโจว พื้นที่ 90 ตารางเมตร ราคา 8 แสนหยวน เมื่อหักลดมาตรการช่วยเหลือทั้งของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นเมืองกว่างโจวแล้ว จะประหยัดได้ถึง 4,400 หยวน
มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเหลือผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรก และครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการมีบ้านขนาดไม่เกิน 90 ตารางเมตรแล้ว การลดภาษีมูลค่าเพิ่มยังส่งผลดีต่อวงการอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ทั้งการซื้อขายที่ดิน บ้านราคาสูง บ้านมือสองอีกด้วย
เป็นต้นว่า หากซื้อบ้านขนาดใหญ่ 145 ตารางเมตร ราคา 1 ล้าน 5 แสนหยวน ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษลดภาษีโฉนด แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลง จะช่วยให้ประหยัดได้ถึง 45,000 หยวน และยังประหยัดภาษีอาการแสตมป์ได้อีก 750 หยวน
นอกจากนี้ ทางการจีนยังจะมีมาตรการเสริมที่จะให้เงินอุดหนุนพิเศษกับครอบครัวที่ยากจน รวมทั้งผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เมืองซื่อชวน และยังจะทุ่มงบประมาณ 1 ล้านล้านหยวนเพื่อสร้างบ้านให้กับคนยากจนอีกด้วย
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ อสังหาฯจีน รุ่งได้อีก 50 ปี
ศาสตราจารย์เหลียง เสี่ยวหมิน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลับเจ้อเจียง กล่าวว่า จากสถิติที่รวบรวมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองขนาดใหญ่และกลางของจีนยังเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ซึ่งถึงแม้ขณะนี้ราคาบ้านและที่ดินจะตกต่ำลงมาก โดยเฉพาะที่ เมืองเซินเจิ้น ตกลงอย่างน่าใจหาย แต่ภาพรวมแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาจพูดได้ว่า ตอนนี้เศรษฐกิจจีนซบเซาไปบ้าง แต่ในระยะยาวแล้วยังมีอนาคตสดใส
ศาสตราจารย์เหลียง เสี่ยวหมิน ยกตัวอย่าง เมืองเหอเฝย เมืองเอกของมณฑลอันฮุย ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยเติบโตนัก ราคาบ้านแค่ตารางเมตรละ 4000 หยวน แต่รัฐบาลท้องถิ่นที่นั่นมีแผนจะรวมเมืองเหอเฝยเข้ากับเมืองอู่หู ซึ่งจะทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น เป็นแผนการณ์ที่ชาญฉลาดของรัฐบาล
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ ยังชี้ว่า อนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะอยู่ที่เมืองระดับสองหรือสาม ซึ่งยังไม่มีการพัฒนามากนัก และการพัฒนาโครงการต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่รีบซื้อ รีบสร้าง รีบขายเหมือนเเต่ก่อน
“ล่าสุด เพิ่งมีบริหารอสังหาริมทรัพย์จากมณฑลเหอหนานร่วมทุนกับบริษัทสหรัฐ จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ นับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนรายแรกที่ขายหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าตลาดบ้านและที่ดินในจีนยังสดใส”
ศาสตราจารย์เหลียงยังอธิบายเหตุผลที่บอกว่า อสังหาริมทรัพย์จีนจะรุ่งเรืองต่อไปอีก 50 ปีว่า เป็นเพราะจีนมีประชากร 1300 ล้าน แต่ที่ดินที่ใช้อยู่อาศัยได้นั้นมีจำกัด โดยเฉพาะในเมืองขนาดกลางที่กำลังพัฒนาตัวเองขึ้นมานั้น ถือว่าอนาคตสดใส ยิ่งเมื่อประกอบกับมาตรการปฏิรูปภาคชนบทที่เพิ่งออกมา ที่อนุญาตให้เกษตรกรสามารถเช่า จำนอง และโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ด้วยแล้ว ถือว่ามาตรการต่างๆทำงานเสริมกันได้อย่างดี
หุ้นร้อน เศรษฐกิจพุ่ง ที่ดินแพง
ศาสตราจารย์เหลียงยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนภาพรวมยังแข็งแกร่งอยู่ ถึงแม้ตลาดหุ้นจะตก โดยอธิบายว่า สองปีก่อน ตลาดหุ้นจีนร้อนแรงมาก เนื่องจากเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่โดยหลักการแล้วตลาดหุ้นจะตอบรับช้ากว่าเศรษฐกิจจริง เช่น เศรษฐกิจจีนเริ่มร้อนในช่วงปี 2003-2005 แต่กว่าตลาดหุ้นจะพุ่งขึ้นตามนั้น อยู่ในช่วงปลายปี 2005 อย่างไรก็ตามหากตลาดหุ้นตกไม่ได้หมายความว่า เศรษฐกิจภาพรวมจะไม่ดี เพราะตลาดหุ้นมีความอ่อนไหวมากกว่า
“ช่วงตลาดหุ้นบูม ตาสีตาสาก็เล่นหุ้น ใครๆก็อยากกำไรจากหุ้น แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นแทบหากำไรไม่ได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคนจีนจะไม่มีเงินเลย เงินจากตลาดหุ้นจะไหลไปที่อสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความมั่นคงมากกว่า”
ช่วยผู้บริโภค ช่วยเศรษฐกิจชาติ
มาตรการอุ้มภาคอสังหาริมทรัพย์ของทางการจีนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อช่วยผู้มีรายได้ระดับกลางลดภาระในการซื้อบ้านเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งใน “ชุดมาตรการเพื่อกระต้นการบริโภคภายในประเทศ” เพื่อรัับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำให้อัตราการเติบโตของจีนในไตรมาสล่าสุด ลดลงเหลือเพียง 9.9%
“ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างเห็นตรงกันว่า ภาษีบ้านและที่ดินที่มีอัตราสูงก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลมากนัก ตรงกันข้ามกลับทำให้ทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขายบ้านมีต้นทุนสูง ทำให้คนซื้อบ้านได้ยาก” นักธุรกิจรายหนึ่งให้ความเห็น
ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีบทบาทเป็นอันดับสองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน รองจากภาคการส่งออก ซึ่งการตกต่ำของราคาบ้านและที่ดินทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จำนวนไม่น้อย การออกมาตรการเพื่ออุ้มชูภาคอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้จึงมุ่งหวังจะเพิ่มทั้ง การลงทุน การจ้างงานจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอีกด้านหนึ่งเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเหลือรายได้ที่จะใช้จ่ายมากขึ้นอีกด้วย