เอเอฟพี,เฟิ่งหวงหวั่ง - ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ร่วมงานวันชาติไต้หวัน หรือ “ซวงสือ” (双十) ย้ำภารกิจสำคัญ เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ เดินหน้าสัมพันธ์จีน แต่ไต้หวันยังคงสิทธิ์ป้องกันประเทศ
การเป็นประธานในของวันชาติไตัหวันวันนี้ ถือเป็นภารกิจทางการครั้งแรกที่สำคัญที่สุดของประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว บรรยากาศในวันนี้ดูผ่อนคลายลงจากปีก่อนๆ ที่มักเน้นการสวนสนามของทหาร เพื่อแสดงให้รัฐบาลปักกิ่งเห็นแสนยานุภาพทางหารทหารของไต้หวัน
ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว บอกว่า จะทำให้รัฐบาลของเขาเป็นรัฐบาลที่สะอาดและมีความสามารถ เพื่อสร้างความยอมรับจากจีนและนานาชาติ
“ทั้งโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้ รวมทั้งจะพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่และนานาชาติ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นเป้าหมายแรก โดยเราจะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ เราจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ และมุ่งหน้าสู่ความรุ่งเรือง หากเรามีความมั่นใจ” หม่า อิงจิ่ว แถลง
ทั้งนี้เมื่อวานนี้ (9ต.ค.) ธนาคารกลางไต้หวันได้ประกาศลดดอกเบี้ย และคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติรับประกันเงินฝาก 100% นอกจากนี้ยังเตรียมอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้มีอัตราการเติบโตที่ 4.3% ตามเป้าหมาย และช่วยพยุงตลาดหลักทรัพย์
ประเด็นร้อนระหว่างความสัมพันธ์จีน-ไต้หวันในขณะนี้คือ กรณีที่สหรัฐอเมริกาจะขายอาวุธมูลค่า 6,463 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับไต้หวัน โดยทางจีนแผ่นดินใหญ่ได้เตือนไปยังทั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐ, สภาคองเกรส, รวมทั้งนาย บารัค โอบามา และนายจอห์น แมคเคน สองผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐให้พิจารณาเรื่องนี้ให้ดี โดยเรียกร้องให้ยกเลิกการขายอาวุธให้ไต้หวัน
ในการกล่าวสุนทรพจน์วันนี้ ผู้นำไต้หวันยืนยันที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์์กับจีน แต่ไต้หวันก็ต้องรักษาศักยภาพในการป้องกันประเทศไว้ด้วย
“ความคาดหวังของประชาชน คือ ไม่รวมชาติ ไม่ประกาศเอกราช และไำม่ใช้กำลังรบ แต่ไต้หวันก็ต้องรักษาเกียรติภูมิของชาติ และความอยู่ดีกินดีของประชาชน” ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว กล่าว
หม่า อิงจิ่ว เรียกร้องให้สองฝากฝั่งช่องแคบ แสวงหาความร่วมมือกัน โดยหลีกเลีี่่ยงที่จะถกเถียงเรื่องเอกราช แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ การพูดถึง กรอบการปรับปรุงรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรียกกันว่า “宪法一中” โดยก่อนหน้านี้หม่า อิงจิ่ว เคยให้สัมภาษณ์ว่า ความสัมพันธ์์ระหว่างจีนกับไต้หวันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบรัฐต่อรัฐ (两岸不是国与国关系) ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อถูกตีความว่า นี่คือการรับรองหลักการจีนเดียว ถึงขนาดที่พลพรรคหมินจิ้นตั่ง กล่าวหาว่า หม่า อิ่งจิ่ว “ขายชาติ” (卖台)
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีหม่้า ยังให้ความเห็นต่อกรณีนมปนเปื้อนเมลามีนว่า รัฐบาลจีนจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ จากกรณีความผิดพลา่ดเรื่องนมปนเปื้อนที่ถูกขยายออกไปจนเกินจริง
หม่า อิ่งจิ่ว ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเขาชูประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ และฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งทางรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ก็ตอบรับด้วยดี เช่น มีการฟื้นฟูการเจรจาระหว่างกัน, มีเที่ยวบินบินตรงเป็นครั้งแรกในรอบหกสิบปี นอกจากนี้ ทางการไต้หวันยังผ่อนคลายกฎเกณฑ์การลงทุน และการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางไปลงทุนและท่องเที่ยวที่ไต้หวันเป็นจำนวนมาก