รอยเตอร์ - ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนประจำปี 2009 ขยายตัวที่ระดับ 9.5% ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 9.8% ขณะที่คาดการณ์ปี 2008 ลดลงจากระดับ 10.5% สู่ระดับ 10% ปัจจัยสำคัญมาจากการขาดดุลการค้าและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
รายงานของเอดีบี ระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2008 อาจต้องเผชิญกับวิกฤตการขาดดุลการค้าและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลง รวมถึงอัตราการส่งออกชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา และอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวในระดับสูงเป็นตัวเลขถึงสองหลัก (double-digit) จากนโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งหากวิกฤตดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลดลงที่ระดับ 7-8% แต่จะไม่ลดต่ำกว่าระดับ 7%
รายงานยังระบุด้วยว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ณ ปัจจุบันที่ลดลงเล็กน้อย คาด การนำเข้าในปี 2008 จะมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 29% แต่จะลดลงที่ระดับ 21% ในปีหน้า ขณะที่อัตราการส่งออกอาจโตที่ระดับ 20% ก่อนจะลดลงเหลือระดับ 15% ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม หากการนำเข้าของจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่องมากกว่าการส่งออก อาจทำให้จีนขาดดุลการค้าในปี 2008 ราว 290,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ในปี 2009 จะขาดดุลน้อยลงราว 260,000 ล้านเหรียญ
ขณะเดียวกัน รายงานชี้ว่า อัตราการเติบโตของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปี 2009 จะลดลงที่ 12% จากคาดการณ์ 13% ของปีนี้ พร้อมกันนี้ ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดว่า ในครึ่งปีหลังธนาคารจีนจะผ่อนคลายนโยบายคุมเข้มสินเชื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี อุตสาหกรรมการเกษตร และพื้นที่ของประเทศที่กำลังฟื้นฟูจากเหตุแผ่นดินไหว เพื่อประกันเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางแถลงผ่านเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อระยะเวลา 1 ปี ลง 27 จุด เท่ากับ ร้อยละ 7.20 จากเดิมร้อยละ 7.47 เพื่อประกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมั่นคง
