เอเอฟพี – หลังกระแสความภาคภูมิใจในชาติ และชาตินิยมจีนพุ่งสู่ขีดสูงสุด ด้วยความสำเร็จอย่างงดงามของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง ล่าสุดผู้นำจีนวางแผนปลุกกระแสต่อ ด้วยการส่งยานอวกาศขึ้นสู่วงโคจรเป็นครั้งที่ 3 พร้อมให้นักบินอวกาศปฏิบัติภารกิจเดินในอวกาศ (space walk) เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ต่างชี้ว่า โครงการอวกาศครั้งนี้มีวาระแอบแฝง เพื่อสร้างความนิยมให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ เบี่ยงความไม่พอใจ และวิตกกังวลจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อ ที่หนักหน่วง นักวิเคราะห์ระบุว่า หลังจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกจบลง ชาวจีนเริ่มตื่นจากภวังค์ ตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ทว่าทางพรรคพยายามโหมกระพือกระแสชาตินิยม เพื่อเบียงมติมหาชนออกจากปัญหาเหล่านั้น
“การเดินหน้าโครงการอวกาศของจีนสะท้อนให้เห็นถึงความชอบธรรมและอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ พวกเขาใช้โครงการอวกาศเป็นเครื่องมือในการประกาศความชอบธรรมทางการเมือง” มอร์ริส โจนส์ นักวิเคราะห์ชาวออสเตรเลียน ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวด้านอวกาศของจีนอย่างใกล้ชิดระบุ
เมื่อต้นเดือนกันยายนสื่อจีนได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดว่า ระหว่างช่วงวันที่ 25 – 30 กันยายน ทางการจะทำการส่งยานอวกาศเสินโจว 7 ทะยานสู่อวกาศจากฐานยิงจรวดจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน พร้อมนักบินอวกาศ 3 คน โดยนักบินคนหนึ่งจะออกไปปฏิบัติภารกิจเดินในอวกาศเป็นครั้งแรก
โจนส์กล่าวว่า ภารกิจนี้จะทำให้จีนถูกจับจ้องจากทั่วโลก เมื่อสื่อแพร่ข่าวนี้ออกไปจีนก็จะได้อวดความสามารถของตนสู่สายตาชาวโลก ภารกิจครั้งนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้นำจีนสามารถโหมกระพือ และดำรงกระแสชาตินิยม ที่พุ่งสู่จุดสูงสุดในช่วงโอลิมปิกได้ต่อไป
“พิจารณาจากฤกษ์ปล่อยยานอวกาศที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 เหตุการณ์ใหญ่คือ หลังพาราลิมปิกจบลงในวันที่ 17 กันยายน และก่อนวันที่ 1 ตุลาคมซึ่งเป็นวันชาติของจีน โครงการอวกาศครั้งนี้ซ่อนความหมายที่จะเชื่อมต่อความยิ่งใหญ่ระหว่าง 2 เหตุการณ์สำคัญคือ โอลิมปิก และวันชาติจีน” โจนส์กล่าว
เมื่อปี 2003 จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นชาติที่ 3 ของโลกที่ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศ โดยครั้งนั้น หยาง ลี่เหว่ยได้ทำหน้าที่เป็นฮีโร่อวกาศคนแรก โดยสารยานอวกาศโคจรรอบโลก ต่อมาในปี 2005 นักบินอวกาศจีน 2 คนได้โดยสารยานอวกาศเสินโจว 6 ปฏิบัติภารกิจในอวกาศรวม 5 วัน โดยที่ทางการจีนได้เริ่มแย้มพรายว่า มีโครงการที่จะสร้างสถานีอวกาศ และจะส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์
วิลลี่ แลม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีน จากฮ่องกงระบุว่า ความสำเร็จของโครงการเสินโจว 7 จะช่วยเบี่ยงความสนใจของประชาชน 1,300 ล้านคนออกจากประเด็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี้รัฐบาลกำลังเผชิญกับศึกเงินเฟ้อ ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบทศวรรษ ตลาดหุ้นที่ซบเซา และการประท้วงจากทั่วทุกหนแห่ง
“ความสำเร็จของเสินโจว 7 จะช่วยกระชับความมั่นใจ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถผลักดันให้ประเทศก้าวต่อไปได้ บรรดาผู้นำต่างฝากอนาคตไว้กับกระแสชาตินิยม พวกเขาคิดว่ากระแสชาตินิยมจะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และพวกเขาก็ต้องการบรรยากาศที่ราบรื่นนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเวลาที่จะมีการฉลองครบรอบ 30 ปี นโยบายเปิดและปฏิรูปประเทศ”
“เมื่อถึงเวลานั้นคาดว่า ประธานาธิบดี หู จิ่นเทาจะเป็นผู้นำการฉลองครบรอบ 30 ปี นโยบายเปิดและปฏิรูปประเทศ ที่เติ้ง เสี่ยวผิงเป็นผู้ริเริ่มตั้งแต่ปี 1978 กระทั่งส่งผลให้เศรษฐกิจแดนมังกรโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อนำประเด็นนี้มาพิจารณาร่วมกับโครงการอวกาศ เราจะพบว่า หูต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นทายาทที่เหมาะสมของเติ้ง และเขาเป็นผู้นำที่ทำให้จีนประสบความรุ่งโรจน์” แลมกล่าว
ด้าน รัสเซล โมสส์ นักวิเคราะห์การเมืองในปักกิ่งชี้ให้เห็นปัญหาจากมุมมองอีกด้านว่า “แม้บรรดาผู้นำจีนจะเล็งเห็นผลประโยชน์ทางการเมืองที่พวกเขาได้รับจากโครงการอวกาศ แต่ตอนนี้ในหมู่ผู้นำก็เริ่มมีการถกเถียง ไม่ลงรอยกันแล้วว่า จะอัดฉีดเงินไปกับโครงการอวกาศเท่าไหร่? เราควรจะควักประเป๋าซื้อความสำเร็จแค่ไหน?”
“ส่วนหนึ่งเริ่มลังเลว่า รัฐควรจะแบกรับค่าใช้จ่ายโครงการอวกาศที่เพิ่มขึ้นมากเพียงใด? และเราจะขยายโครงการนี้ต่อไปไหม?” เนื่องด้วยจีนกำลังเผชิญปัญหาท้าทาย ที่ต้องใช้งบประมาณในการแก้ไขจำนวนมากอาทิ ปัญหาแผ่นดินไหวที่ซื่อชวน (เสฉวน) ปัญหาตลาดหุ้นขาลง และปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์"
“เฉพาะผลพวงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ซื่อชวน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ทางการจีนอาจจะต้องควักกระเป๋าจ่ายงบฟื้นฟูถึง 245,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้นบรรดาผู้นำก็เริ่มจะลังเลแล้วว่า ควรจะนำงบประมาณไปทุ่มกับส่วนไหนดี” โมสส์กล่าว