รอยเตอร์ – อุตสาหกรรมผลิตไข่มุกแดนมังกรกำลังเจอวิกฤต หลังรัฐบาลสั่งลดการผลิตด่วน เหตุธุรกิจเพาะเลี้ยงหอยมุกสร้างมลพิษในแม่น้ำและทะเลสาบ อีกทั้งความพยายามปั้มการผลิตก่อนหน้านี้ยังส่งผลกระทบให้สินค้าล้นตลาดจนราคาตกฮวบ สร้อยไข่มุกบางร้านขายราคาไม่ถึง 50 บาท
ดูเหมือนราคาสร้อยไข่มุกที่วางเรียงรายในตู้โชว์ของร้านค้าอัญมณีเมืองเซี่ยงไฮ้ จะล่อตาล่อใจผู้ที่ผ่านไปมามากกว่าอัญมณีประเภทอื่นๆ เพราะสร้อยมุกบางเส้นนั้นราคาไม่ถึง 10 หยวน หรือราว 50 บาท นี่ขนาดยังไม่ได้ต่อรองราคาเลยด้วยซ้ำ
หวัง ไฉ่เจียว พนักงานขายในร้านอัญมณีขนาด 2 ชั้น ย่านถนนคนเดินเมืองเซี่ยงไฮ้เล่าให้ฟังว่า “มีคนทุกประเภททั้งชาวจีนและชาวต่างชาติแห่มาซื้อไข่มุก”
โดยปรากฏการณ์ข้างต้นนี้ก็เกิดจากการที่ในตลาดมีปริมาณไข่มุกน้ำจืดจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาไข่มุกตกฮวบทำให้เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็สามารถซื้อหาไข่มุกมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย นับเป็นข่าวดีสำหรับเหล่าแรงงานอพยพและลูกจ้างโรงงานที่ต่อไปนี้จะสามารถเป็นเจ้าของอัญมณีสวยๆ นี้ได้ แต่คงเป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรมไข่มุก ซึ่งคนในวงการต่างวิตกกังวลว่าราคาไข่มุกจะดิ่งลงเรื่อยๆ กระทั่งทำลายภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวของไข่มุกที่เคยมีมา
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ หลี่ เจียเล่อ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสมุทรศาสตร์เซี่ยงไฮ้กล่าวว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไข่มุกไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากเผชิญกับปัญหาการผลิตล้นเกิน อุตสาหกรรมฯ จำเป็นต้องลดปริมาณการผลิตและพัฒนาคุณภาพให้มากกว่านี้”
โดยปัจจุบันฟาร์มไข่มุกมีรายได้จากการจำหน่ายไข่มุกตกกิโลกรัมละไม่ถึง 2,000 หยวน แตกต่างจากยุคเฟื่องฟูเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่ราคาสูงถึง 20,000 หยวนต่อกิโลกรัม
ขณะที่ในปี 2007 จีนผลิตไข่มุกได้มากถึง 1,600 ตัน หรือคิดเป็น 95% ของปริมาณการผลิตไข่มุกทั่วโลก จากข้อมูลของสมาคมการค้าเครื่องประดับและอัญมณีแห่งประเทศจีนระบุ โดยมุกน้ำจืดที่จีนผลิตได้ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นไข่มุกเม็ดเรียวและขรุขระ อย่างที่เห็นร้อยเป็นสร้อยคอราคาไม่กี่สิบหยวนในร้านของหวัง ไฉ่เจียว ไม่เหมือนมุกน้ำเค็มที่เกิดเองตามธรรมชาติ จะมีรูปทรงสมบูรณ์แบบ หายากและมีราคาแพง
มลพิษจากการเพาะหอยมุก
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเพาะเลี้ยงหอยมุกจำนวนมหาศาลไม่เพียงกำลังทำให้ราคาไข่มุกตกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในทะเลสาบและแหล่งเก็บน้ำต่างๆ ด้วย จนรัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจควบคุมการผลิตดังกล่าว
น้ำในทะเลสาบ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยมุกนั้นนับวันยิ่งเขียวขุ่น และส่งกลิ่นเหม็น อันเนื่องมาจากมลภาวะและการใส่สารเร่งการเติบโตลงไปในน้ำ เพื่อให้หอยมุกน้ำจืดสามารถผลิตมุกได้เร็วขึ้น
“การเลี้ยงมุกน้ำจืดที่ขยายตัวอย่างผิดปกติในหลายพื้นที่ ซึ่งเกิดจากการใส่สารเร่งการเติบโตลงไป ส่งผลให้แหล่งน้ำเน่าเสียรุนแรง” เว็บไซต์สำนักงานการเกษตรแห่งมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีนระบุ
โดยมณฑลหูเป่ยนั้นนับเป็นแหล่งผลิตมุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน แต่เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลท้องถิ่นได้ออกคำสั่งห้ามเลี้ยงหอยมุกในทะเลสาบและแหล่งเก็บน้ำอื่นๆ โดยจำกัดให้เลี้ยงเฉพาะในบ่อเท่านั้น นอกจากนี้หลายพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ยังมีการสั่งห้าม หรือจำกัดการเลี้ยงหอยมุกเช่นกัน
ด้านผู้เชี่ยวชาญแสดงทัศนะว่า ในความเป็นจริงแล้วการเพาะเลี้ยงหอยมุกน้ำจืดและน้ำเค็มนั้นไม่น่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากเพาะเลี้ยงอย่างเหมาะสม โดย “หอยมุกน้ำจืดนั้นจะกินแพลงตอนเป็นอาหาร ซึ่งในความเป็นจริงคือช่วยทำให้แหล่งน้ำสะอาดด้วยซ้ำ” พาน เจี้ยนหลิน เลขาธิการใหญ่ของสมาคมอุตสาหกรรมไข่มุกมณฑลเจียงซูกล่าว
“แต่ชาวนาหลายคนเลี้ยงหอยมุกไม่ถูกวิธี กลับไปใส่สารเร่งซึ่งกลายเป็นอาหารชั้นดีสำหรับแพลงตอนลงไป เมื่อประชากรหอยเพิ่มหนาแน่นเกินไป ก็ทำให้มลภาวะเพิ่มมากขึ้น”
ลดการผลิตแต่กำไรเพิ่ม
ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจากการเพาะเลี้ยงหอยมุกนั้น แม้ว่าจะไม่มากเมื่อเทียบกับความเสียหายอันเกิดจากการปล่อยมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างกลิ่นเน่าเหม็นในแม่น้ำและทะเลสาบหลายแห่งของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้ความกดดันดังกล่าว รัฐบาลท้องถิ่นพยายามหาทางสกัดการเติบโตของธุรกิจ
นอกจากข้อจำกัดจากรัฐบาลแล้ว ปัจจัยเรื่องต้นทุนพุ่งสูงและราคาสินค้าตกต่ำ ทำให้คาดการณ์กันว่าการผลิตไข่มุกจีนในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 1,400 ตัน และลดเหลือ 1,000 ตันภายในปี 2010 นับว่าลดลงถึง 1 ใน 3 จากยอดผลิตปีที่แล้ว ตามข้อมูลสมาคมการค้าเครื่องประดับและอัญมณีแห่งประเทศจีนระบุ
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตที่ลดลงนั้นไม่ได้หมายความว่าผลกำไรจะหดเล็กตาม จากประสบการณ์ในแหล่งผลิตไข่มุกอื่นๆ พบว่า การผลิตอัญมณีคุณภาพสูงขึ้น แต่ลดปริมาณลงจะสร้างผลประกอบการที่ดีกว่าเดิมให้แก่อุตสาหกรรม
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า คุณภาพมุกน้ำจืดของจีนจะพัฒนาขึ้น หากมีการเพาะเลี้ยงอย่างเหมาะสม โดยให้ลดปริมาณความหนาแน่นของหอยแมลงภู่ที่เพาะเลี้ยงในบ่อลง และยอมขยายระยะเวลาการเพาะเลี้ยงเพิ่ม
การเพาะเลี้ยงอย่างเหมาะสมนี่เองจะช่วยให้ไข่มุกน้ำจืดจีนมีลักษณะกลมเกลี้ยงคล้ายมุกน้ำเค็มของญี่ปุ่นและแปซิฟิกตอนใต้ ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มข้างต้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายและเร็ววันนี้
“ผมอยากเห็นผลผลิตไข่มุกลดลงเหลือสัก 100 ตัน ซึ่งจะทำให้ราคามุกเราอยู่ระดับเดียวกับไข่มุกตาฮิติ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นราชาแห่งมุกและไข่มุกทะเลใต้ ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็เยี่ยมมาก” ตู้ คุนหลิน เลขาธิการใหญ่สมาคมอุตสาหกรรมไข่มุกมณฑลเจ้อเจียงกล่าว