รูปแบบบ้านซื่อเหอย่วนนี้ พัฒนาจนสุกงอมได้ที่ในยุคราชวงศ์โจวตะวันตก (1122-256 ก่อนคริสต์ราช) เมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว เป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยของชนทุกระดับชั้นนับตั้งแต่พระราชวงศ์ ราชนิกูล วัด กลุ่มประชาชน แน่นอนความซับซ้อนอลังการย่อมแตกต่างกันไป
ตามเขตเมืองเก่าของมณฑลพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศจีน ก็ยังมีซื่อเหอย่วนให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ปักกิ่งนับเป็นแหล่งซื่อเหอย่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด ทั้งเป็นสัญลักษณ์เมืองเก่าปักกิ่ง สำหรับซื่อเหอย่วนในปักกิ่งส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดมาจากยุคราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) และราชวงศ์ชิง(ค.ศ. 1644-1911) ดังนั้น ซื่อเหอย่วนในปักกิ่งส่วนใหญ่ ก็จะมีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี ลงมา
ไม่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของสถาปัตยกรรมที่ดูงามคลาสสิก ซื่อเหอย่วนยังสะท้อนความเป็นตะวันออกอย่างเต็มเปี่ยม และสร้างชีวิตชีวา คุณค่าที่น่าสนใจ
ซื่อเหอย่วนเป็นกลุ่มเรือนหรือห้องที่สร้างเรียงประสานกันเป็นสี่เหลี่ยม โดยมีลานอยู่ตรงกลาง สำหรับซื่อเหอย่วนใหญ่ๆนั้น มีหมู่เรือนมากกว่า 1 กลุ่ม อาจมีกลุ่มเรือนถึง 2-4 กลุ่มในกำแพงเดียวกัน
ภายในซื่อเหอย่วน เรือนที่ตั้งอยู่ทิศเหนือและหันหน้าสู่ทิศใต้ เป็นเรือนหลัก ส่วนเรือนถัดจากเรือนหลัก และหันหน้าสู่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกนั้น เรียกเรือนเคียง ระหว่างเรือนทั้งสามนี้ มีทางเชื่อมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นร่มบังแดดในยามกลางวัน และที่สำหรับชมวิวลานบ้านในยามราตรี
ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีแดง มีที่เคาะประตู ประตูนี้ ปกติจะตั้งอยู่มุมตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะมีกำแพงกั้นหน้าประตู ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว มิให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาข้างนอกบ้าน มองเข้ามาเห็นภายในเรือน นอกจากนี้ การสร้างกำแพงกั้นนี้ ยังเป็นความเชื่อไสยศาสตร์ ช่วยปกป้องเรือนจากพวกภูตผีปิศาจทั้งหลาย ที่หน้าประตู มีฐานประตูวางสองข้าง มีหลากหลายแบบ บ้างก็เป็นรูปปั้นหินแกะสลักเป็นรูปสิงโต, รูปกบ, รูปสัตว์ในตำนาน, ลวดลายดอกไม้ และลายสัญลักษณ์มงคล ฯลฯ
ซื่อเหอย่วนสร้างจากแนวคิดธาตุทั้งห้าที่เป็นองค์ประกอบของจักรวาล และแผนภูมิ 8 เหลี่ยมปากว้า ประตูตั้งอยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นมุมแห่งลม และเรือนหลักที่อยู่ด้านทิศเหนือนั้น เชื่อว่าเป็นทิศแห่งน้ำ คอยป้องกันไฟ
โครงสร้างของลานกลางบ้านทั่วไป ยังสะท้อนจริยธรรมจีนโบราณและแบบแผนขนบจารีตของขงจื่อ ตำแหน่งทิศที่ตั้งห้องหับของสมาชิกในบ้านซึ่งได้รับแสงแตกต่างกันไปนั้น ยังบ่งบอกถึงตำแหน่งและความอาวุโสของสมาชิกผู้นั้นด้วย อาทิ เรือนหลักทางทิศเหนือที่ได้รับแสงมากที่สุด ใช้เป็นห้องนั่งเล่นห้องโถงและห้องนอนของเจ้าของบ้านหรือหัวหน้าครอบครัว เรือนปีกตะวันออกและตะวันตกจะได้รับแสงลดหลั่นลงมา ใช้เป็นห้องของลูกๆหรือสมาชิกในครอบครัวที่ห่างออกมา ส่วนเรือนทางทิศใต้นั้น ได้รับแสงน้อยที่สุด เป็นห้องรับแขกและห้องสำหรับคนรับใช้ นอกจากนี้ ยังมีเรือนหลัง สำหรับลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือสาวใช้ เนื่องจากหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น จะไม่ได้รับอนุญาตพบปะสาธารณชนโดยตรง ดังนั้น จึงถูกกำหนดให้อยู่ในจุดที่รโหฐานที่สุดของบ้าน
โครงสร้างของซื่อเหอย่วนยังเป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติแก่ผู้อยู่อาศัยมาแต่โบราณ โดยกำแพงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความสูงกว่ากำแพงอื่นๆ เพื่อปกป้องเรือนจากลมแรงในฤดูหนาว และพายุฝุ่นทรายในฤดูใบไม้ผลิ ชายคาเป็นลอนลาดโค้งลงเพื่อให้น้ำฝนไหลไปตามส่วนโค้งนั้น แทนที่จะตกลงมาตรงๆบนพื้น สันหลังคายังช่วยป้องแสงในฤดูร้อนและรักษาความอุ่นให้ตัวบ้านในฤดูหนาว
รูปแบบซื่อเหอย่วนนั้น มีอาณาบริเวณที่ว่าง เอื้อความสบาย สงบเงียบ และรักษาความเป็นส่วนตัว กำแพงรอบบ้านซื่อเหอย่วน ช่วยคุ้มครองความปลอดภัย ทั้งปกป้องฝุ่นและพายุ สำหรับลานกลางบ้านยังเป็นสวนต้นไม้ ดอกไม้ หิน บ่อน้ำ ปลา และเป็นห้องนั่งเล่นเปิดโล่ง ให้สมาชิกในบ้านเสพสุขอย่างเรียบง่ายจากธรรมชาติ ยืดเส้นยืดสายรับแสงอุ่นในยามรุ่งอรุณ ชื่นชมพันธุ์ไม้ ดอกไม้ ดูปลาแหวกว่ายในน้ำ ดื่มด่ำความงดงามของดวงจันทร์ในยามราตรี
ซื่อเหอย่วนเปรียบเสมือนกระจกส่องโลกเก่าของจีน และหากไม่ได้ดูซื่อเหอย่วนและหูถ่งแล้ว ก็จะไม่มีวันเข้าใจปักกิ่งอย่างแท้จริง กระจกบานนี้ กำลังแตกเป็นเสี่ยง โลกเก่าก็กำลังเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยโลกใหม่ที่ผู้นำจีนกำลังปั้นขึ้นมา มันจะมีหน้าตาอย่างไร? เมื่อความสุขและความพึงพอใจแบบเรียบง่ายของคนสูญสิ้นไป อะไรจะเข้ามาแทนที่สนองด้านจิตใจผู้คนในยุคต่อๆไป?
เรื่อง/ภาพ โดยสุรัตน์ ปรีชาธรรม /*ภาพบันทึกระหว่างปลายพ.ค.-มิ.ย. 2008
เรียบเรียงจาก
- 汉语精读课( Han Yu Jingdu Keben),二年级,下册, 中国社会科学出版社, 2006
- Old Beijing People, House and Lifestyle, Xu Chengbei, Foreign Languages Press, หน้า 11 และหน้า 29
- Wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Siheyuan