บลูมเบิร์ก – เชื่อปีนี้ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันวิ่งก้าวกระโดดแซงเงินสกุลอื่นๆ ของเอเชีย สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทเปและปักกิ่งคืบหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้นักลงทุนมั่นใจลงทุนบนเกาะมากกว่าแต่ก่อน
ล่าสุดค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันดีดตัวขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เอาชนะหยวนจีนที่โตขึ้นปีนี้ประมาณ 6.5% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอานิสงส์จากการที่ หม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาะไต้หวันได้เจรจาอย่างสันติกับจีน จนบรรลุการเปิดเที่ยวบินบินตรงระหว่างจีน-ไต้หวัน ไฟเขียวธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินหยวนได้เป็นครั้งแรกรอบ 50 ปี รวมถึงการประกาศผ่อนปรนข้อบังคับว่าด้วยการเข้าลงทุนในตลาดฮ่องกงและจีนของบริษัทท้องถิ่น
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ นอร์แมน เฉิน ซีอีโอของบริษัทพีซีเอ็ม แคปิตอลในฮ่องกง ผู้บริหารเงินทุนของกองทุน "เฮดจ์ฟันด์" (กองทุนเพื่อการเก็งกำไร) ซึ่งกล่าวว่า “ค่าเงินสกุลดอลลาร์ไต้หวันและเงินหยวนนั้นล้วนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ และสามารถให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากสัญญาณความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันที่ดีวันดีคืน” เฉินกล่าวเสริมว่า “ผมเชื่อว่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชียจะแข็งค่าขึ้น ตราบเท่าที่ค่าเงินหยวนยังคงเดินหน้าแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ”
โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 30.354 ดอลลาร์ไต้หวันต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินในวันพุธ (2 ก.ค.) เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 30.371 เหรียญไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในเอเชียซึ่งปีนี้เกินดุลการค้าน้อยลง ก็มีแนวโน้มค่าเงินอ่อนค่าลงด้วย ดังเช่นประเทศไทยที่ปีนี้ค่าเงินอ่อนค่าลง 11% ตกฮวบมากสุดในเอเชีย เนื่องจากบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ผนวกกับปัญหาการเมือง ขณะที่เงินเปโซของฟิลิปปินส์ก็อ่อนค่าลง 8.3% เนื่องจากต้นทุนราคาข้าวแพงทำลายสถิติ ทำให้ความนิยมของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ตกฮวบสุดนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับวอนของเกาหลีใต้ที่อ่อนค่าลง 10.6% เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูง
ด้านเลสลี่ เผิง หัวหน้าฝ่ายลงทุนจากบริษัท Schroders Pls เชื่อว่ากลไกการขับเคลื่อนต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับเสถียรภาพทางการเมืองด้วย และมองว่าหยวนยังจะแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีไต้หวันได้รับอานิสงส์ห้อยท้ายตามไปด้วย
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไต้หวันช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัว 6.1% เนื่องจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์ไปยังแผ่นดินใหญ่ช่วยให้ไต้หวันไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ขณะที่ทุนสำรองเงินตราของไต้หวันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแตะ 290,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกินดุลการค้าถึง 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ธนาคารกลางไต้หวันยังยอมให้ค่าเงินแข็งค่าเพื่อผ่อนคลายสภาวะเงินเฟ้อ
โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา เนื่องมาจากเมื่อช่วงต้นปี รัฐบาลไต้หวันได้ยินยอมอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ย 3,000 คนต่อวันเดินทางมายังไต้หวัน เริ่มต้นวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ นับเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีมาหลายทศวรรษ โดยจีนและไต้หวันหันหลังให้กันและตั้งข้อจำกัดเกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งโดยตรงระหว่างกันตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองเมื่อปี 1949 กระทั่งรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งในขณะนั้นพ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จนต้องถอยร่นไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่เกาะไต้หวัน
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ 21 คนของบลูมเบิร์ก เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันน่าจะแข็งค่าขึ้นเป็น 30 ดอลลาร์ไต้หวัน ส่วนเงินหยวนเมื่อเดือนที่แล้วราคาเทรดอยู่ที่ 6.8584 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ และนักเศรษฐศาสตร์ 25 คนคาดการณ์ว่าหยวนจะแข็งค่าขึ้นเป็น 6.65 เหรียญสหรัฐภายในสิ้นปีนี้