หนังสือพิมพ์สากล / รอยเตอร์ – หลังผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง ได้เดินทางหารือกับหู จิ่นเทาประธานาธิบดี จีน ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยเดือดในช่วง 8 ปีก่อนได้ผ่อนเพลาลง โดยไต้หวันได้ตอบรับคำเชิญของจีน ในการเดินทางเจรจารายละเอียดเรื่องการเปิดบินตรงเหมาลำ การให้นักท่องเที่ยวจีนมาไต้หวันในเดือนหน้า ในขณะที่หู จิ่นเทายอมอ่อนข้อ พิจารณาเรื่องจุดยืนไต้หวันในองค์การอนามัยโลกใหม่
หลังจากที่นายอู่ ป๋อสงหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งจากไต้หวันได้เข้าพบประธานาธิบดีหู จิ่นเทาเมื่อวันพุธ (28 พ.ค.) ที่ผ่านมา ได้ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะพยายามที่จะรื้อฟื้นการเจรจาหารือกันภายใต้เงื่อนไขของฉันทามติปี 1992 อีกทั้งรีบฟื้นฟูการเจรจาระหว่างกองทุนความเชื่อมโยงระหว่างสองฟากฝั่งกับสมาพันธ์ความสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งของจีน
การประชุมในมหาศาลาประชาคมที่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กับผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งในขณะที่เป็นพรรครัฐบาลได้นั่งลงหารือกันหลังจากที่ไต้หวันได้แยกตัวจากจีน ในการหารือกว่า 1 ชม.นี้ แม้ว่าจะมอบหมายให้เรื่องสำคัญต่างๆอาทิการฟื้นฟูกลไกการหารือ เรื่องการบินตรงเหมาลำช่วงสุดสัปดาห์ หรือการที่จะให้นักท่องเที่ยวแผ่นดินใหญ่เดินทางมายังไต้หวันได้นั้น ให้เป็นเรื่องที่ไปเจรจาระหว่างกองทุนความเชื่อมโยงฯกับสมาพันธ์ ทว่าหลังจากการประชุมในครั้งนี้ อู๋ ป๋อสงเองก็ได้เปิดเผยว่ากับเรื่องดังกล่าวนั้น “ทุกอย่างพร้อมสรรพ ขาดเพียงลมบูรพา”
แหล่งข่าววงในได้อธิบายถึงคำว่า “ขาดเพียงลมบูรพา” นี้ว่าหมายถึงทุกอย่างลงตัวแล้ว ขาดเพียงเวลาที่แน่นอนเท่านั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้ควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปตกลงหารือ โดยไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาประกาศในการประชุมระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับก๊กมินตั๋งในครั้งนี้
ซึ่งในกรณีดังกล่าว สมาพันธ์ความสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งของจีน ได้เชิญนายเจียง ปิ่งคุน ประธานกองทุนความเชื่อโยงระหว่างสองฟากฝั่ง และนายเกา ข่งเหลียนรองประธานควบเลขาธิการกองทุนให้มาเยือนจีนในวันที่ 11-14 มิ.ย. โดยล่าสุดเช้าวันพฤหัสบดี (29 พ.ค.) นายเจียง ปิ่งคุน และเกา ข่งเหลียนได้ตอบรับคำเชิญดังกล่าว โดยระบุว่า “จะรีบเร่งอาศัยพื้นฐานของฉันทามติปี 1192 ในการที่จะฟื้นคืนความสัมพันธ์และการเจรจาระหว่างสองฟากฝั่ง อีกทั้งร่วมหารือในกรณีการบินตรงเหมาลำ และการเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนมายังไต้หวันอีกด้วย”
และหลังจากการหารือในเดือนมิ.ย.แล้ว นายเฉิน อวี่หลินว่าที่ประธานสมาพันธ์ความสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งก็ได้วางแผนที่จะเดินทางมายังไต้หวันในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อที่จะกระชับความสัมพันธ์ของแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันให้แน่นแฟ้นขึ้น
ความสัมพันธ์ที่ดูจะเป็นไปในทิศทางบวกนั้นเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในขณะที่ประชุมกันนั้น นายอู๋ ป๋อสงได้พยายามเน้นย้ำถึงหลักการ “สันติ มั่นคง พัฒนา” บนพื้นฐานของฉันทามติปี 1992 เพื่อที่จะ”ขจัดความขัดแย้ง แสวงหาชัยชนะสำหรับทั้งสองฝ่าย” และเลือกที่จะใช้เศรษฐกิจนำหน้า การเมืองตามหลัง และเลือกทำในสิ่งที่ไม่มีข้อขัดแย้งกันก่อน
การหารือของอู๋กับหูในครั้งนี้ ได้เป็นการพลิกโฉมความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันที่ตึงเครียดมากขึ้นในช่วงเวลา 8 ปีที่เฉิน สุยเปี่ยนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้จีนเองก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีที่ใช้กับไต้หวัน อย่างเช่นในกรณีที่ไต้หวันเคยอาศัยฐานะผู้สังเกตการณ์ในการเข้าร่วมในกิจกรรมขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ถูกทางการปักกิ่งต่อต้านอย่างรุนแรง และระบุว่าไต้หวันไม่ใช่ประเทศอธิปไตย จึงไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ทว่าในการหารือครั้งนี้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทากับบอกกับนายอู๋ ป๋อสงถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางปักกิ่งจะพิจารณาปัญหานี้ใหม่อีกครั้ง
ในกรณีเรื่องจุดยืนในเวทีโลกนั้น อู๋ได้ระบุว่า ไต้หวันหวังอยู่เสมอว่าจะสามารถมีจุดยืนที่ปลอดภัย มีศักดิ์ศรี และสมเหตุสมผลในเวทีโลก ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไต้หวันพยายามรักษาเอาไว้ ทว่า การที่ไต้หวันมีเจตนาเช่นนี้ ไม่อาจที่จะตีความว่าไต้หวันนั้นต้องการจะเป็นเอกราช อีกทั้งที่ผ่านมา จุดยืนของพรรคก๊กมินตั๋ง และประชาชนส่วนใหญ่เองก็คัดค้านเรื่องการประกาศเอกราชมาโดยตลอด
ซึ่งหู จิ่นเทาเองก็ได้ตอบในข้อนี้ไปว่า “เราเข้าใจถึงความรู้สึกของพี่น้องร่วมอุทรในไต้หวันที่มีต่อปัญหานี้เป็นอย่างดี และเราก็ไม่ได้ตีความเจตนานี้เป็นการประกาศเอกราชแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาการพัฒนาระหว่างสองฟากฝั่งนั้นยังมีปัญหาที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ขวางกั้นอยู่บ้าง ซึ่งปมปัญหาบางอย่างคงต้องใช้เวลาในการแก้ไข ซึ่งทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงและจัดการกับปัญหาดังกล่าวด้วยดี”
“เป้าหมายร่วมของเราอยู่ที่การสร้างความเชื่อใจต่อกัน ขจัดข้อขัดแย้ง แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เพื่อสร้างชัยชนะสำหรับทั้งสองฝ่าย” หู ระบุ
ทั้งนี้ หลังการประชุมดังกล่าว นายอู๋ ป๋อสงได้ตอบรับคำเชิญในการไปร่วมในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ในขณะที่หู จิ่นเทาได้ระบุว่าจะรีบร่งจัดการในการส่งแพนด้า ถวนถวน กับ หยวนหยวน ที่พี่น้องในไต้หวันรอคอยไปให้โดยเร็วที่สุด