เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล – นักวิเคราะห์ข้องใจนโยบายการผลักดันราคาพลังงานให้เป็นไปตามกลไกตลาดของจีน หลังจากรัฐบาลตัดสินใจหวนกลับไปใช้การกำหนดเพดานราคาถ่านหินอีกครั้ง เพื่อฉุดราคาที่พุ่งร้อนแรง และรักษาปริมาณถ่านหินสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศให้เพียงพอ
การประกาศควบคุมราคาถ่านหินเป็นไปตามมาตรการกำหนดราคาพลังงานชุดใหม่ของจีน ซึ่งรวมถึงเพิ่มการแทรกแซงการกำหนดราคาน้ำมันเบนซิน,ดีเซล และกระแสไฟฟ้า หลังจากถ่านหิน ซึ่งใช้สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า ราคาพุ่งสูงถึงราวร้อยละ 50 ในปีนี้ โดยการกำหนดเพดานราคาถ่านหินจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปีนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการก้าวถอยหลังจากเป้าหมายที่จีนเคยตั้งไว้ในการผลักดันให้ราคาพลังงานเป็นไปตามกลไกของตลาดมากขึ้น โดยจีนอาศัยถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าถึงกว่าร้อยละ 70 เพื่อป้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และที่ผ่านมาถ่านหินเป็นพลังงานประเภทเดียว ที่จีนได้ปล่อยลอยตัวราคา
นอกจากนั้น เพื่อรักษาปริมาณถ่านหินให้มีใช้เพียงพอในประเทศ จีนยังได้จำกัดการส่งออกถ่านหิน โดยกำหนดโควต้าการส่งออก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจีนจะระงับการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตถ่านหินหันไปทำสัญญากับต่างชาติ ซึ่งให้ผลประโยชน์มากกว่า
ด้านตลาดค้าถ่านหินทั่วโลกไม่มีปฏิกิริยาเท่าใดนักต่อการจำกัดการส่งออกของจีน เนื่องจากข่าวลือแพร่สะพัดมาก่อนหน้าแล้ว
การกำหนดเพดานราคาถ่านหิน และเพิ่มการจัดเก็บภาษีไฟฟ้าร้อยละ4.7 ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนหน้า มีจุดมุ่งหมายก็เพื่อช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า ก่อนถึงช่วงที่จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในฤดูร้อน เนื่องจากผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าต้องแบกรับภาระราคา และการที่รัฐเข้ามาควบคุมการกำหนดราคาไฟฟ้าของผู้ผลิต โดยภาระเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้าขึ้น
นักวิเคราะห์ของHSBC ในฮ่องกงมองว่า การประกาศมาตรการของจีนครั้งนี้เป็นแค่เบาะๆ เพราะได้กำหนดเพดานราคาถ่านหิน ณ ราคาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระดับสูงแล้ว นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงด้วยว่า ถ่านหินเป็นภาคอุตสาหกรรม ที่จะต้องอุดหนุนประเทศในอนาคต
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาถ่านหินของจีนน่าจะปรับขึ้นแค่ประมาณร้อยละ 5 ต่อปีในปี2552 และปรับขึ้นอีกครั้งในปีถัดไป
นอกจากนั้น การกำหนดเพดานราคายังมีความเสี่ยงบั่นทอนการผลิตถ่านหินของผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งอาจชะลอการผลิตไปในปีหน้า เพื่อทำกำไร หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาในการกำหนดเพดานราคา ดังนั้น จะยิ่งเพิ่มปัญหาแก่ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นไปอีก
การกำหนดเพดานราคายังอาจผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ หันไปผลิตถ่านหินโค้ก ซึ่งใช้ในการผลิตโลหะแทน เนื่องจากไม่อยู่ในข่ายถูกควบคุมราคา
อย่างไรก็ตาม การประกาศมาตรการใหม่นี้อาจส่งผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากมีการกำหนดเพดานราคาในระดับสูง ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนก็มีความสามารถในการบังคับใช้มาตรการ เพื่อกระตุ้นการผลิตมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้เหมืองถ่านหินขนาดเล็กเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังจากปิดดำเนินการไป ซึ่งบางเหมือง เนื่องมาจากปัญหาด้านความปลอดภัย
นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้เหมืองขนาดใหญ่เพิ่มการผลิต เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการในประเทศ และบรรเทาปัญหาราคาที่พุ่งขึ้น โดยการประกาศมาตรการของรัฐบาลจีนได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากคณะผู้ปกครองมณฑล 3 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถ่านหินในประเทศ
การประกาศควบคุมราคาถ่านหินเป็นไปตามมาตรการกำหนดราคาพลังงานชุดใหม่ของจีน ซึ่งรวมถึงเพิ่มการแทรกแซงการกำหนดราคาน้ำมันเบนซิน,ดีเซล และกระแสไฟฟ้า หลังจากถ่านหิน ซึ่งใช้สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า ราคาพุ่งสูงถึงราวร้อยละ 50 ในปีนี้ โดยการกำหนดเพดานราคาถ่านหินจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปีนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการก้าวถอยหลังจากเป้าหมายที่จีนเคยตั้งไว้ในการผลักดันให้ราคาพลังงานเป็นไปตามกลไกของตลาดมากขึ้น โดยจีนอาศัยถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าถึงกว่าร้อยละ 70 เพื่อป้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และที่ผ่านมาถ่านหินเป็นพลังงานประเภทเดียว ที่จีนได้ปล่อยลอยตัวราคา
นอกจากนั้น เพื่อรักษาปริมาณถ่านหินให้มีใช้เพียงพอในประเทศ จีนยังได้จำกัดการส่งออกถ่านหิน โดยกำหนดโควต้าการส่งออก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจีนจะระงับการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตถ่านหินหันไปทำสัญญากับต่างชาติ ซึ่งให้ผลประโยชน์มากกว่า
ด้านตลาดค้าถ่านหินทั่วโลกไม่มีปฏิกิริยาเท่าใดนักต่อการจำกัดการส่งออกของจีน เนื่องจากข่าวลือแพร่สะพัดมาก่อนหน้าแล้ว
การกำหนดเพดานราคาถ่านหิน และเพิ่มการจัดเก็บภาษีไฟฟ้าร้อยละ4.7 ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนหน้า มีจุดมุ่งหมายก็เพื่อช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า ก่อนถึงช่วงที่จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในฤดูร้อน เนื่องจากผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าต้องแบกรับภาระราคา และการที่รัฐเข้ามาควบคุมการกำหนดราคาไฟฟ้าของผู้ผลิต โดยภาระเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้าขึ้น
นักวิเคราะห์ของHSBC ในฮ่องกงมองว่า การประกาศมาตรการของจีนครั้งนี้เป็นแค่เบาะๆ เพราะได้กำหนดเพดานราคาถ่านหิน ณ ราคาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระดับสูงแล้ว นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงด้วยว่า ถ่านหินเป็นภาคอุตสาหกรรม ที่จะต้องอุดหนุนประเทศในอนาคต
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาถ่านหินของจีนน่าจะปรับขึ้นแค่ประมาณร้อยละ 5 ต่อปีในปี2552 และปรับขึ้นอีกครั้งในปีถัดไป
นอกจากนั้น การกำหนดเพดานราคายังมีความเสี่ยงบั่นทอนการผลิตถ่านหินของผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งอาจชะลอการผลิตไปในปีหน้า เพื่อทำกำไร หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาในการกำหนดเพดานราคา ดังนั้น จะยิ่งเพิ่มปัญหาแก่ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นไปอีก
การกำหนดเพดานราคายังอาจผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ หันไปผลิตถ่านหินโค้ก ซึ่งใช้ในการผลิตโลหะแทน เนื่องจากไม่อยู่ในข่ายถูกควบคุมราคา
อย่างไรก็ตาม การประกาศมาตรการใหม่นี้อาจส่งผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากมีการกำหนดเพดานราคาในระดับสูง ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนก็มีความสามารถในการบังคับใช้มาตรการ เพื่อกระตุ้นการผลิตมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้เหมืองถ่านหินขนาดเล็กเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังจากปิดดำเนินการไป ซึ่งบางเหมือง เนื่องมาจากปัญหาด้านความปลอดภัย
นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้เหมืองขนาดใหญ่เพิ่มการผลิต เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการในประเทศ และบรรเทาปัญหาราคาที่พุ่งขึ้น โดยการประกาศมาตรการของรัฐบาลจีนได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากคณะผู้ปกครองมณฑล 3 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถ่านหินในประเทศ