เอเจนซี—จีนประกาศขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลในชั่วข้ามคืนเดียวถึงร้อยละ 18 สร้างเซอร์ไพร์สแก่ตลาดน้ำมันดิบโลก จนราคายุบไป 4.75 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรลนั้น แต่ก็ไต่ขึ้นมา 1.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันถัดมา (วันศุกร์ 20 มิ.ย.)
หลังจากอาการเซอร์ไพร์สหายไป และกลุ่มเกจิในตลาดน้ำมันได้ใคร่ครวญการขึ้นราคาน้ำมันของจีนครั้งนี้ และไม่คิดว่าจะสะเทือนความต้องการน้ำมันในประเทศ แต่กลับช่วยปลดปล่อยอุปสงค์หรือความต้องการที่อั้นไว้ในประเทศจีน ที่มีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน และเป็นแชมป์บริโภคน้ำมันหมายเลขสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
ที่จริงแล้ว หลายฝ่ายทั้งในและนอกประเทศ ต่างจี้และลุ้นให้จีนขึ้นราคาน้ำมันมานาน สืบเนื่องจากสภาพอันพิลึกพิลั่นที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานสูงอย่างไม่ปราณีปราศรัยมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จีนก็ยังยื้ออุดหนุนราคาน้ำมันจนราคาในประเทศกับราคาตลาดโลกทิ้งห่างกันลิบลับ วิสาหกิจแปรรูปน้ำมันจีนขาดทุนย่อยยับ และพากันหยุดการผลิตหรือผลิตออกมาอย่างไม่เต็มกำลัง จนเกิดวิกฤตซับพลายน้ำมันในประเทศ
ในที่สุด จีนก็ได้ฤกษ์ประกาศขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเพิ่งลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานระยะเวลา 10 ปี กับผู้นำสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นช่วงจังหวะไม่กี่วันก่อนที่รองประธานาธิบดี สีว์ จิ้นผิง จะเดินทางไปประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบียในวันอาทิตย์(22 มิ.ย.)
อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้หวังยื่นช่อมะกอกให้แก่วอชิงตัน ที่บ่นว่าการควบคุมราคาน้ำมันของปักกิ่งไม่เป็นธรรมกับอุตสาหกรรมจีน สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าคือการขึ้นราคาน้ำมันของจีนจะช่วยเปิดทางสะดวกแก่การขยายตัวเศรษฐกิจต่อไป โดยจะตอบสนองความต้องการที่ถูกอั้นไว้ระหว่างภาวะขาดแคลนซับพลาย
“ปกติแล้ว การขึ้นราคาจะส่งผลด้านลบต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการกำหนดแบ่งสันการบริโภคน้ำมันในจีนอย่างมีประสิทธิภาพสุดๆในภาวะขาดแคลนซับพลาย การขึ้นราคาอาจส่งผล เพิ่มการบริโภคในจีนมากกว่า” เศรษฐกรแห่งยูบีเอส หวัง เทา ระบุในรายงาน
นอกจากนี้ การขึ้นราคายังเป็นหลักประกันซับพลายพลังงานที่ดีในช่วงโอลิมปิก เกมส์ที่กำลังปิดม่านในเดือนสิงหาคมนี้แล้ว
“การขาดแคลนพลังงาน เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวมากกว่า ก่อนงานโอลิมปิก” หม่า จวิน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เรื่องจีน ประจำดอยช์ แบงก์ระบุในรายงาน
นอกจากนี้ จีนยังได้ฉวยโอกาสขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อผ่อนเพลาในเดือนพฤษภาคมที่อัตราเงินเฟ้อตกลงมาอยู่ที่ 7.7% จากเดือนเมษายนที่ทะยานสูง 8.5% ซึ่งนับเป็นอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี และยังเป็นที่คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจีนจะชะลอมาอยู่ที่ 6% ในครึ่งปีหลังของปี ทำให้จีนอุ่นว่าการขึ้นราคาน้ำมันจะไม่ซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ของประเทศอยู่ขณะนี้
กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การขึ้นราคาน้ำมันครั้งใหญ่นี้ ยังไม่ช่วยกระเตื้องแรงแข่งขันของบรรดาคู่ค้าต่างชาติของจีน เนื่องจากการอุดหนุนราคาน้ำมันของจีนนั้น ไม่ได้ช่วยภาคส่งออกอย่างที่บางกลุ่มกล่าวอ้าง สตีเฟน กรีนเศรษฐกรประจำสำนักงานที่เซี่ยงไฮ้ ของสแตนดาร์ท ชาร์เตอร์ด กล่าว พร้อมชี้ว่ากลุ่มบริษัทจีนได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาลหลายทาง ทั้งด้านภาษี การใช้ที่ดินฟรี ตลอดจนการประหยัดต้นทุนจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่หละหลอม ดังนั้น เรื่องพลังงานจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบริษัทจีน
นอกจากนี้ ยังเป็นที่เชื่อกันว่า กลุ่มผู้ผลิตจีนจะไม่ผลักต้นทุนพลังงานไปยังผู้บริโภค โดยยอมรับกำไรที่ลดลงเสียเอง โกลด์แมน แซคส์ ระบุในรายงานวิจัย
“มันจะเพิ่มต้นทุนประกอบการ โดยเฉพาะการขนส่ง แต่บริษัทก็ไม่คิดที่จะขึ้นราคามอเตอร์ไซต์ที่ผลิตในฉงชิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ส่งตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ผู้บริหารที่รับผิดชอบการวางแผนของบริษัทร่วมทุนยามาฮา มอร์เตอร์ในนครฉงชิ่ง กล่าว
เศรษฐกรแห่งยูบีเอส หวัง เทา ยังทิ้งท้ายว่า “ปัจจัยจากจีน ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกแน่นอน ด้วยความต้องการน้ำมันดิบ จะขยายตัวต่อไป”
ทั้งนี้ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) ได้ประกาศในคืนวันที่ 19 มิ.ย.ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไปให้มีการปรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลตันละ 1,000 หยวน และปรับราคาเชื้อเพลิงการบินตันละ 1,500 หยวน นับเป็นการปรับขึ้นในอัตราร้อยละ 18 แต่ยังไม่มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มกับก๊าซธรรมชาติ พร้อมกันนี้ ยังประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป จะมีการปรับราคาค่าไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยจะปรับขึ้นหน่วย (พันวัตต์) ละ 0.25 หยวน