หนังสือพิมพ์สากล – จีนได้เพิ่มการถือพันธบัตรสหรัฐฯจนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนทะลุ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อสิ้นเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตามเมื่อคำนวณจากสัดส่วนต่อยอดรวมทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดแล้ว ก็พบว่าสัดส่วนดังกล่าวกลับน้อยลงเรื่อยๆ
เว็บไซต์ของกระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยว่าเมื่อปลายเดือนมี.ค. จีนได้ถือพันธบัตรสหรัฐฯทั้งสิ้น 490,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในเดือนมี.ค.ได้มีการถือเพิ่มสุทธิคิดเป็นมูลค่า 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และได้เพิ่มอีก 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯในเดือนเม.ย. เท่ากับว่าจีนได้เพิ่มพันธบัตรสหรัฐฯในมือต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้ระบุว่า “การที่ยอดพันธบัตรสหรัฐฯในมือของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้นนั้น หลักๆมาจากการที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากตัวเลขของธนาคารกลางพบว่าเงินสำรองระหว่างประเทศเมื่อปลายเดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.68 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 39.94% โดยในไตรมาสแรกมีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 153,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 18,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนเม.ย. พันธบัตรสหรัฐฯที่อยู่ในมือนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดมีจำนวน 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจีนเป็นประเทศที่ถือพันธบัตรสหรัฐฯมากเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือคิดเป็น 19.29% โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ที่ถือพันธบัตรสหรัฐฯมากที่สุดจำนวน 592,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่น่าจับตาก็คือ ประเทศอังกฤษที่ถือพันธบัตรสหรัฐมากเป็นอันดับ 3 ก็ได้เพิ่มการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯในเดือนเม.ย.เช่นกัน โดยในเดือนเดียวมีการถือเพิ่ม 48,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จนมีจำนวนทั้งสิ้น 251,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มการเพิ่มพันธบัตรต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือน ทว่าเมื่อคำนวณเป็นอัตราส่วนต่อทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดแล้วในเดือนเม.ย.คิดเป็นเพียง 19.29% ลดลงจากเดือนมี.ค.ที่คิดเป็นสัดส่วน 19.47%
นักวิเคราะห์ได้รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ การเพิ่มการถือครองของจีนเท่ากับเป็นการช่วยให้เงินดอลลาร์มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯถูกพิษวิกฤตซับไพรม์เล่นงาน จนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องลดดอกเบี้ยเป็นจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในปีนี้ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังอ่อนตัวลงเรื่อยๆ จนต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนกลายเป็นที่กังวลของหลายๆประเทศที่ได้มีเงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก