เอเอฟพี – นักการทูตต่างชาติเผย สุดมึนกับคณะกรรมการโอลิมปิกปักกิ่ง ชี้คณะกรรมการทำงานเยี่ยม แต่มีปัญหาเรื่องโครงสร้าง เวลาติดต่อด้วยไม่รู้ใครรับผิดชอบอะไร ระบุพยายามทำแผนผังโครสร้างเจ้าหน้าที่กว่า 1 ปีแล้วแต่ยังงงสุดๆ
แม้คณะกรรมการโอลิมปิกปักกิ่ง (บีโอซีโอจี) จะทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทว่าบรรดาคณะกรรมการต่างติดลักษณะนิสัยของผู้นำจีน ที่มักไม่ชอบปรากฏตัวเป็นข่าว กระทั่งทำให้บรรดาผู้ที่ต้องติดต่อไม่ทราบว่า ใครอยู่ในตำแหน่งไหน รับผิดชอบอะไรกันแน่
ท่ามกลางความมึนงงนี้ มีเพียงความชัดเจนว่า ประธานาธิบดี หู จิ่นเทาให้ความสำคัญกับโอลิมปิกปักกิ่งมาก กระทั่งยกให้โอลิมปิกเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับจีนในปี 2008 ความใส่ใจดังกล่าว ทำให้เกิดองค์กรเงาที่เข้ามาควบคุมดูแลบีโอซีโอจีอีกทอดหนึ่ง
บีโอซีโอจี เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยดึงเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ, เทศบาลมหานครปักกิ่ง และสำนักงานการกีฬาแห่งชาติ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า หากปล่อยภารกิจยักษ์ให้อยู่ในมือของบีโอซีโอจีเพียงฝ่ายเดียว การบริหารงานอาจไม่รัดกุม ฉะนั้น เบื้องหลังบีโอซีโอจี จึงมีกลุ่มผู้นำที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางเป็นผู้ดูแลอีกขั้นหนึ่ง ทว่าการปรากฏตัวของกลุ่มผู้นำดังกล่าว ทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากไม่มีการระบุสถานภาพ หน้าที่ ความรับผิดชอบของพวกเขาอบ่างชัดเจนในโครงสร้างการดำเนินงาน และสัมพันธ์กับบีโอซีโอจีอย่างไร
กระทั่งเพิ่งมามีความชัดเจนเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเดือนมีนาคม สถานะของกลุ่มผู้นำดังกล่าว ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ที่ยอดปิรามิดของกลุ่มผู้นำดังกล่าวคือ รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ดาวรุ่งทางการเมืองของจีน ซึ่งคาดว่าจะเข้ามานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีต่อจาก หู จิ่นเทา หลังหูพ้นตำแหน่งราวปี 2012-2013 หลิว จิ้งหมิน รองนายกเทศมนตรีมหานครปักกิ่ง ในฐานะรองประธานบีโอซีโอจีระบุว่า “พรรคคอมมิวนิสต์ตั้งกลุ่มดังกล่าวขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนให้การเตรียมงานระยะสุดท้ายเป็นไปอย่างราบรื่น”
อย่างไรก็ตามการที่กลุ่มของสีถูกตั้งขึ้นมาควบคุม ดูแลงานของบีโอซีโอจี อาจมีอะไรแฝงมากกว่าการช่วยเตรียมงานขั้นสุดท้าย
กลุ่มของสีที่ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการราวเดือนมีนาคม เป็นการเปิดตัวที่เหมาะกับจังหวะเวลา เพราะเป็นการส่งสัญญาณว่า ปักกิ่งเดินหน้าไม่ถอยที่จะจัดโอลิมปิกให้ประสบคาวมสำเร็จอย่างงดงาม ท่ามกลางปัญหาที่รุมเร้ารอบด้านทั้งข้อกล่าวหาเรื่องสิทธิมนุษยชน, สิทธิเสรีภาพสื่อ, การสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า และรัฐบาลซูดาน ซึ่งมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ด้านสิทธิมนุษยชน สัญญาณการปรากฏตัวของสี ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี)
การเสริมสร้างความมั่นใจดังกล่าว นับว่าเป็นนโยบายที่มาถูกทาง เพราะไม่นานหลังสีถูกประกาศชื่อให้รับผิดชอบดูแลงานโอลิมปิก เหตุการณ์จลาจลในทิเบตก็อุบัติขึ้น กลายเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนความมั่นใจของหลายฝ่ายว่า โอลิมปิกครั้งนี้จะไปรอดหรือไม่
อย่างไรก็ตามการที่บุคคลระดับว่าที่ประธานาธิบดีอย่างสี ลงมาดูแลงานโอลิมปิกด้วยตนเอง ส่งผลให้ความกังวลลดลงมาก
ระหว่างการเยือนมหานครปักกิ่งเมื่อเดือนเมษายน ไฮน์ เวอบรีกเก้น หัวหน้าคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่ติดต่องานใกล้ชิดกับบีโอซีโอจีกล่าวชื่นชมการแต่งตั้งสีเข้ามาช่วยคุมงานว่า “ทางไอโอซียินดีกับระดับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลจีน และเชื่อว่าการสนับสนุนดังกล่าวจะผลักดันให้เกิดผลสำเร็จอย่างงดงาม”
เจาะโครงสร้างบีโอซีโอจี
บีโอซีโอจี หรือคณะกรรมการโอลิมปิกปักกิ่ง เป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้น เมื่อเดือนธันวาคม 2001 ภายใต้การควบคุมของ หลิว ฉี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีมหานครปักกิ่งในขณะนั้น หลิว ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบีโอซีโอจี เป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้จีนได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2008 ระหว่างการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการโอลิมปิกสากลที่จัดขึ้น ณ กรุงมอสโกเมื่อปี 2001
สำหรับภารกิจในฐานะผู้นำองค์กรที่จะต้องดูแลต้อนรับทีมนักกีฬาจาก 205 ชาติ หลิวค่อนข้างเก็บตัวเงียบ ไม่ทำตัวเป็นข่าว นานๆครั้งถึงจะโผล่ให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวเป็นทางการ
หลิวมีบุคลิกลักษณะคล้ายชนชั้นผู้นำจีนทั่วไป เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรม ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ผลงานเยี่ยม อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จากไอโอซี ที่ติดต่องานจนกลายเป็นมิตรสหายของหลิวกล่าวว่า หลิวมักวางท่าทีเคร่งขรึมเป็นทางการ
“เจ้าหน้าที่จีนมักมีท่าทีเคร่งขรึม เป็นทางการ นี่เป็นวิถีของชาวจีน” เจ้าหน้าที่ไอโอซีคนหนึ่งวิจารณ์
เมื่อครั้งที่บีโอซีโอจีถูกตั้งขึ้น เทศบาลมหานครปักกิ่ง กับสำนักงานการกีฬาแห่งชาติ ต่างแข่งขันช่วงชิงอำนาจในการควบคุมองค์กร ซึ่งในที่สุดฝ่ายปักกิ่งก็สามารถรวบอำนาจไว้ในมือ เจ้าหน้าที่จากปักกิ่งจึงดำรงตำแหน่งสำคัญอาทิ หวัง เว่ย และหลิว จิ้งหมิน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบีโอซีโอจี นอกจากนี้ยังมี เจียง เสี่ยวอี๋ว์ ซึ่งรับหน้าที่เดินทางประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศให้กับบีโอซีโอจี
ส่วนบุคคลที่ลืมไม่ได้อีกรายหนึ่งคือ เหอ เจิ้นเหลียง ประธานกิตติมศักดิ์ของบีโอซีโอจี เหอ วัย 78 ปี ผู้ได้รับฉายาว่า “มิสเตอร์โอลิมปิก” เคยรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเสนอให้จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2000 แม้ครั้งนั้นเหอจะล้มเหลว ทว่าสำหรับโอลิมปิก 2008 เหอเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยจีนต่อสู้ฟาดฟันกับประเทศอื่นๆ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2008