เอเชียน วอลล์สตรีท
เจอร์นัล – จีนประกาศซีพีไอเดือนพ.ค. ลดลงเหลือ 7.7% ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็นผลพลอยได้จากการปรับวันหยุด และการควบคุมราคาสินค้าในช่วงแผ่นดินไหว พร้อมเตือนจีนควรจะหยุดการแข็งค่าเงินหยวน พร้อมปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกจำนวนมาก
วันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) กรมสถิติแห่งชาติจีนได้ประกาศดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นตัวกำหนดอัตราเงินเฟ้อ โดยระบุว่าซีพีไอจีนในเดือนพ.ค. เติบโตอยู่ที่ 7.7% ลดลงจากเดือนเม.ย.ที่มีอัตราเติบโตสูงถึง 8.5% อันเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี โดยก่อนหน้านั้นจีนเคยมีซีพีไอที่สูงถึง 8.9% ในเดือนพ.ค. ปี 1996
ข้อมูลของกรมสถิติแห่งชาติยังแสดงให้เห็นว่า ซีพีไอในเดือนม.ค.-พ.ค.เพิ่มจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 8.1% แต่ก็ลดลงจาก 4 เดือนแรกที่อยู่ที่ 8.2% อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวก็ยังจัดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมาย 4.8% ที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ในปีนี้อยู่มาก
ในขณะที่ยอดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 37.9% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขการลงทุนทั้งสิ้น 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีตัวเลขการลงทุนตรงจากต่างประเทศรวม 5 เดือนแรกทั้งสิ้น 42,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การที่เงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ของจีนลดลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลบวกโดยตรงที่ได้รับจากการที่จีนได้ลดวันหยุดยาวสัปดาห์ทองในวันที่ 1 พ.ค.ให้กลายเป็นวันหยุดย่อย เพราะที่ผ่านมาในช่วงเดือนพ.ค.ที่มีสัปดาห์ทองนั้นเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นสูงอย่างเช่นในปี 2007 เดือนพ.ค.ก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จาก 3.0% ในเดือนเม.ย. ในขณะที่ปีนี้ไม่เพียงไม่เพิ่มแต่ยังลดอีกด้วย
นอกจากนั้น การที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวน ได้ทำให้สังคมต่างจับตา และรัฐบาลได้ออกมาตรการในการควบคุมราคา ทำให้การขึ้นราคาของผู้จำหน่ายนั้นถูกควบคุมไว้ชั่วคราว นอกจากนั้นการเข้ามาของทุนจากต่างชาติก็มีการชะลอดูท่าทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหว
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ก็ยังทำให้จีนอยู่ในภาวะดอกเบี้ยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 เมื่อนำเอาซีพีไอในเดือนพ.ค.ไปเหรียญกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำหลังหักภาษีที่อยู่ที่ 3.93% แล้ว เท่ากับดอกเบี้ยติดลบหรือเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยถึง 3.77%
ดอกเบี้ยติดลบเป็นจำนวนมาก จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความน่ากลัวของราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้น ในขณะที่ผู้ผลิตเองก็จะคาดหวังที่จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และจะส่งผลกลับมาทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ตัวเลขดอกเบี้ยติดลบสูงขึ้น
การที่ทางการจีนยังคงรีรอ ไม่มีความกล้าหาญและเด็ดขาดพอในการที่จะหยุดการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินหยวน หรือใช้มาตรการการขึ้นดอกเบี้ยทีละมากๆแทนการขึ้นทีละเล็กน้อยเพื่อมาแก้ไขปัญหาดอกเบี้ยติดลบนี้ จะทำให้ต้นตอปัญหาเงินเฟ้อของจีนยากที่จะถูกขจัดไปได้ ทำให้เห็นได้ว่าราคาสินค้าจีนในอนาคตก็ยังจะอยู่ในระดับสูงต่อไป
ทั้งนี้หลังจากทำการศึกษามานานนับปี ในเดือนธ.ค. 2007 คณะรัฐมนตรีนำโดยนายกฯเวินเจียเป่าก็มีมติผ่านกฎหมายปรับปรุงการกำหนดวันหยุด และกฎหมายปรับปรุงการลาพักร้อนโดยลดวันหยุดวันแรงงาน ทำให้สัปดาห์ทองจาก 3 เหลือเพียง 2 เพิ่มวันหยุดเทศกาลเช็งเม้ง,สารทขนมจ้าง และวันไหว้พระจันทร์