xs
xsm
sm
md
lg

ฮ่องกงหวั่นเสียตำแหน่งศูนย์กลางการบิน หลังบินตรงเหมาลำสองฟากฝั่งมีแววฉลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศในสนามบินเถาหยวน
หนังสือพิมพ์สากล /หมิงเป้า – หลังความเป็นไปได้ของการบินตรงเหมาลำระหว่างแผ่นดินไหญ่กับไต้หวันเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นทุกที ได้ทำให้อดีตผู้บริหารท่าอากาศยานฮ่องกงออกมาชี้ว่าฮ่องกงจำเป็นต้องรีบเปิดกว้างทางการบิน หาไม่แล้วอาจจะถูกไต้หวันชิงตำแหน่งศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ไป

ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารท่าอากาศยานฮ่องกงที่อยู่มานานถึง 9 ปีและเพิ่งจะอำลาตำแหน่งไปไม่กี่วันอย่างนายเฝิง กั๋วจิงได้เปิดเผยว่าการเปิดบินตรงระหว่างแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันอาจจะทำให้ไทเปกลายศูนย์กลางการบินของชาวจีน จนอาจคุกคามตำแหน่งการเป็นศูนย์กลางการบินของฮ่องกงได้

โดยหนังสือพิมพ์หมิงเป้าและหนันหัวเจ่าเป้าของฮ่องกงได้รายงานถึงความเห็นของเฝิงว่า ที่ผ่านมาฮ่องกงเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างแผ่นดินใหญ่ กับไต้หวัน โดยอัตราส่วนของผู้โดยสารในส่วนดังกล่าวคิดเป็น 6%ของผู้ใช้บริการสนามบินนานาชาติ (ฮ่องกง) หากมีการเชื่อมตรง 3 ทางระหว่างสองฟากฝั่ง ในระยะสั้นจะกระทบต่อปริมาณผู้โดยสารในสนามบินฮ่องกงอย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าการมองในระยะกลางกับระยะยาวแล้ว หากสองฟากฝั่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยภาพรวมฮ่องกงเองก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย เพียงแต่ในขณะเดียวกันไต้หวันอาจจะกลายเป็นจุดเชื่อมโยงของประชาชนจีนที่จะเดินทางไปต่างประเทศแทนฮ่องกง

ในปีที่ผ่านมา สนามบินนานาชาติเถาหยวนของไต้หวันมีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้น 23.43 ล้านคน/ครั้ง คิดเป็นครึ่งหนึ่งของสนามบินนานาชาติฮ่องกง แต่ผู้ที่อยู่ในวงการอากาศยานของฮ่องกงกลับคาดว่าเมื่อใดที่แผ่นดินใหญ่เชื่อมโยงตรง 3 ทางกับไต้หวันแล้ว นักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการจะเดินทางไปอเมริกาเหนือนั้นจะเลือกไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเถาหยวนมากกว่าเพราะเป็นทางผ่านตรงกว่าการที่จะผ่านทางฮ่องกง

“เมื่อใดที่การเชื่อมโยงตรงของสองฟากฝั่งบรรลุผล ก็เท่ากับทางแผ่นดินใหญ่ได้เปิดหน้าต่างบานใหญ่ วิธีการที่ฮ่องกงจะแข่งขันกับไต้หวันก็คือการเปิดกว้างทางการบิน นั่นก็คือทำให้สิทธิทางอากาศไม่ถูกควบคุมใดๆอีก สามารถอนุญาตให้บริษัทการบินจากต่างชาติสามารถเปิดเส้นทางการบินต่างๆเข้ามาได้ ในปัจจุบันมีประเทศในเอเชียจำนวนไม่น้อยที่ได้อาศัยนโยบายการเปิดกว้างเส้นทางการบิน ทว่าจนถึงปัจจุบันทางการฮ่องกงยังปฏิเสธวิธีการดังกล่าวอยู่” เฝิงระบุ

หลายปีที่ที่ผ่านมาสหรัฐฯเองก็พยายามที่จะกดดันฮ่องกง เพื่อเรียกร้องให้ฮ่องกงเปิดเส้นทางบินให้กับบริษัทสายการบินของสหรัฐฯ โดยไม่ตั้งข้อจำกัด ทว่าทางการฮ่องกงเองกลับใช้เหตุผลว่าเงื่อนไขที่ทางสหรัฐฯเสนอแลกเปลี่ยนมานั้นไม่เกิดประโยชน์กับบริษัทสายการบินในฮ่องกง

เฝิงยังระบุอีกว่า “ไต้หวันได้เปิดกว้างในด้านการบินของตัวเองมานานแล้ว จะขาดก็เพียงแผ่นดินใหญ่ที่ยังไม่ได้เชื่อมโยงถึงกัน ดังนั้นเมื่อใดที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่แล้ว ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นฮ่องกงจึงมีความจำเป็นต้องรีบเปิดกว้าง”

“ขณะนี้สำนักงานบริหารอากาศยานฮ่องกงกำลังวางแผนสำหรับ 20 ปีต่อไป เพื่อที่จะเขียนเป็นพิมพ์เขียวไปถึงปี 2030 โดยหวังว่าสนามบินฮ่องกงจะต้องพัฒนาแบบก้าวกระโดด ซึ่งผู้ที่จะมีผลในการผลักดันและยกระดับอากาศยานของฮ่องกงนั้นก็คือตัวทางการฮ่องกงเอง จึงหวังว่าทางการจะได้ทบทวนนโยบายต่างๆโดยเฉพาะนโยบายการเปิดกว้างทางการบิน เพื่อที่จะรักษาข้อได้เปรียบของฮ่องกงเอาไว้ในสภาวะการแข่งขันใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น”เฝิงระบุ

บทวิเคราะห์ในหนังสือพิมพ์หมิงเป้าของฮ่องกงได้ระบุว่า ไต้หวันได้เปิดกว้างทางการบินแล้ว แต่ติดขัดที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับจีนจึงยังไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ ทว่าเมื่อเงื่อนไขนี้เปลี่ยนไป ข้อได้เปรียบของไต้หวันจะเพิ่มมากขึ้น และอาจจะเปลี่ยนมาเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและการบินได้ในอนาคต

หมิงเป้ายังระบุอีกว่า “สักวันหนึ่งสนามบินนานาชาติเถาหยวนจะสามารถท้าทายตำแหน่งของสนามบินนานาชาติฮ่องกง นอกจากนั้นหม่า อิงจิ่ว กับเซียว วั่นฉางก็ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า เมื่อใดที่มีการบินตรงกับจีนแผ่นดินใหญ่ ก็จะมีการโดยสารและขนส่งในสนามบินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นทางไต้หวันจึงเตรียมที่จะอาศัยฐานของสนามบินนานาชาติเถาหยวน ขยายเป็นเมืองแห่งอากาศยาน ซึ่งความคิดดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของไต้หวัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น