หนังสือพิมพ์สากล – สัญญาณด้านบวกจากจีนในด้านการเชื่อมโยงตรง 3 ทางของสองฟากฝั่งส่งผลนักลงทุนมั่นใจ และทำให้ดัชนีหุ้นไต้หวันทะลุ 9,000 จุดไปแล้ว โดยหลายฝ่ายเชื่อว่ากลางปีนี้ หลังหม่า อิงจิ่วรับตำแหน่ง ดัชนีหุ้นอาจพุ่งถึง 10,000 จุด
เมื่อวันพุธ (16 เม.ย.) หลังจากที่หน่วยงานของจีนได้ออกมาแสดงท่าทีด้านบวกต่อการพบปะกันระหว่างหู จิ่นเทาประธานาธิบดีจีน กับเซียว วั่นฉาง ว่าที่รองประธานาธิบดีไต้หวันในการประชุมป๋อเอ๋อที่ผ่านมา โดยได้แสดงจุดยืนตอบรับการเชื่อมโยงตรง 3 ทางของสองฟากฝั่งอย่างชัดเจน ทำให้เห็นได้ว่าหลังจาก “หม่า” ได้รับเลือกตั้ง สองฟากฝั่งก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปในทันที
สิ่งที่เห็นผลได้ค่อนข้างชัดเจนและรวดเร็วก็คือดัชนีหุ้นของไต้หวัน ที่ขณะนี้เได้ขึ้นไปอยู่ที่หลัก 9,000 จุดแล้ว โดยมีหุ้นการเงิน และอสังหาริมทรัพย์เป็นหัวรถจักรนำขบวน โดยพุ่งขึ้นในวันเดียวถึง 141.26 จุด จนไปปิดที่นิวไฮ 9,066.4 จุด ด้วยยอดซื้อขาย 210,287 ล้านเหรียญไต้หวัน
คนในวงการได้มองว่า การที่วันนี้ดัชนีหุ้นไต้หวันทะลุ 9,000 จุดไปแล้วนั้น ในระยะสั้นไม่ได้ก่อให้เกิดแรงกดดันอะไรมากมาย เนื่องจากขณะนี้สัญญาณการเชื่อตรง 3 ทางของสองฟากฝั่งเริ่มจุดประกายขึ้น เชื่อว่าในครึ่งปีแรกอาจจะได้เห็นดัชนีทะลุ 10,000 จุดได้
ขณะนี้นักลงทุนในตลาดมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเชื่อว่าหลังจากหม่า อิงจิ่วเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 พ.ค. ก็จะมีข่าวดีตามมาอีก โดยราคาหุ้นของภาคการเงินนั้นได้ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ปี 2000 นอกจากนั้นหุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่ไต้หวันเล็งจะผ่อนคลายให้นักลงทุนจากจีนมาลงทุนได้นั้น ก็ได้สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปีเช่นกัน
การที่ทั้งไต้หวันกับจีนสามารถลดอุณหภูมิความตึงเครียดทางการเมืองลง ก็เริ่มเป็นจุดชักนำให้นักลงทุนจากฮ่องกงจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นเดินทางมาลงทุนในไต้หวัน นอกจากนั้น เจ้าสัวลี กาชิง (หลี่เจียเฉิง) คนจีนที่รวยที่สุดก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะให้บริษัทในเครือของตนนั้นมาลงทุนในไต้หวัน
โดยนายลีได้ให้สัมภาษณ์ในขณะที่ไปปรากฏตัวในงานสัมมนาธุรกิจที่ฉางโจวว่าเมื่อจีนกับไต้หวันนั้นเริ่มปรากฏเค้าลางการเป็นมิตรต่อกันมากขึ้น โดยเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจจะให้ Cheung Kong (Holdings) ไปลงทุนในไต้หวัน
นอกจากนั้น เมื่อนักข่าวได้ถามถึงการควบคุมทางมหภาคอย่างเข้มงวดในจีนนั้น ได้ส่งผลต่อธุรกิจในเครือบริษัทของเขาหรือไม่ ลีได้เปิดเผยว่า “บริษัทของผมในจีนได้พัฒนาไปในหลายด้าน และมีผลประกอบการที่ดี ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายการควบคุมมหภาคอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายนัก”
ทั้งนี้ ลี กาชิงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ว่าเป็นคนจีนที่รวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่า 26,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
