หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ -ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปจีน เผยแผ่นดินไหวกระทบท่องเที่ยวหนัก รายใหญ่ชี้ยอดจอง-ยกเลิกลด 15% ทั่วประเทศจีน ส่วนผู้เชี่ยวชาญเสฉวน ระบุ 6 แหล่งท่องเที่ยวใกล้เฉิงตูกระทบหนัก โดยเฉพาะอุทยานจิ่วไจ้โกว แนะเที่ยวจีนอย่างปลอดภัยตามฤดูกาล คาดอีก 3 เดือนท่องเที่ยวจีนฟื้นจากความมั่นใจในการฟื้นฟูของรัฐบาลจีน ด้านนักธรณีวิทยาชี้จีนยังมีอีก 3 จุดที่อาจเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ผ่านไปแล้วสำหรับการไว้อาลัยให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลจีนในช่วงวันที่ 19-21 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่การขุดค้นซากผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น และทางการจีนคาดว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 50,000 ราย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักแผ่นดินไหวจีน ได้ปรับค่าวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวครั้งดังกล่าวจาก 7.9 ริกเตอร์ เป็น8.0 ริกเตอร์ แน่นอนว่าการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว!
6 แหล่งท่องเที่ยวใกล้เฉิงตูกระทบหนัก
เดชธิชัย เลียนทอง เจ้าของบริษัทสตาร์ดัสท์ ทราเวล จำกัด บริษัททัวร์ไทยไปจีนที่มีความเชี่ยวชาญในการท่องเที่ยวที่มณฑลเสฉวนอย่างมาก กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเหวิ่นชวน ซึ่งอยู่ห่างจากนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 92 กิโลเมตร นับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 1976 ที่เมืองถังซาน
เมื่อดูตามแผนที่ก็พบว่า ศูนย์กลางเมืองแผ่นดินไหวคือเมืองเหวิ่นชวนมีผลกระทบหนักสุด รวมถึงเมืองรอบข้างที่ได้รับผลกระทบหนักเช่นกันได้แก่ เมืองเม่าเซี่ยน เหมี่ยนหยาง เต๋อหยาง และตูเจียงเอี้ยน รวมทั้งนครเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ต้องถือว่าเป็นอาชีพที่อ่อนไหวที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ หรือภัยการเมืองครั้งใหญ่ๆ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในจีนครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกลัวความไม่ปลอดภัยทั้งจากอาฟเตอร์ช็อคที่ยังเกิดขึ้นอีกหลายครั้งตามมา การที่รัฐบาลจีนประกาศเตือนว่าอาจมีเขื่อน 2 เขื่อนใหญ่แตก และอาจทำให้ผู้คนล้มตายอีกจำนวนมาก รวมทั้งการเกิดโรคระบาดตามมา ย่อมทำให้คนที่จะไปเที่ยวจีนเวลานี้ต้องคิดแล้วคิดอีก
สำหรับมณฑลเสฉวน ถือเป็นมณฑลที่มีจุดเด่นอยู่ที่การท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามระดับโลกอยู่หลายแห่ง และจากประสบการณ์พบว่าแหล่งท่องเที่ยวอย่างน้อย 6 แห่งจะได้รับผลกระทบหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ประกอบด้วย
1.จิ่วไจ้โกว แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากในจีน โดยเป็นที่รู้จักกันในนามของดินแดนแห่งความฝัน มีความสวยงามอย่างมาก
2. ไห่หลั่วโกว แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้กับ จิ่วไจ้โกว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามมากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากนัก ทำให้ความเป็นธรรมชาติของที่นี่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะผู้ที่อยากเห็น “ซาโก” หรือเกร็ดน้ำแข็งที่ย้อยลงมาคล้ายกับคริสตัล
3.ซือกูเหนียงซัน หรือ 4 ดรุณี ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทั้งภูเขา และมีเรื่องเล่าจากนิทานปรัมปรา ที่ทำให้การไปเที่ยว ณ จุดนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
4.เขตหวงหลง เป็นเขตอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งประกอบด้วยภูเขา น้ำตก และวัดหวงหลงซึ่งมีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ และมีธรรมชาติที่งดงามอย่างมาก
“4แห่งนี้อยู่ทางเหนือของเฉิงตู โดยการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวนั้นจะต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่หวงหลง และเดินทางอีก 1 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงที่จิ่วไจ้โกว ซึ่งขณะนี้มีความอันตรายมาก เพราะทางไปกำลังอยู่ในช่วงปรับถนน มีหน้าผาหลายแห่ง และบางช่วงมีหินถล่ม”
ด้านทางใต้ของนครเฉิงตู จะมีแหล่งท่องเที่ยวอีก 2 แห่งที่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงด้านการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ได้แก่
5.เขาง้อไบ๊ และเขาเล่อซัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะเขาเล่อซานที่คนไทยนิยมไปนมัสการหลวงพ่อโต และเขาง๊อไบ๊ที่มีจุดเด่นอยู่ประวัติศาสตร์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับเล่นสกีที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวในสมัยใหม่อีกด้วย
6.ตูเจียงเยี่ยน ที่มีเขื่อนตูเจียงเอี้ยนที่มีอายุกว่า 2,000 ปี สร้างตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยจากเขื่อนถล่ม
ทั้งนี้คาดว่าทางการจีนจะทำการปรับปรุงสภาพเมืองเสร็จอย่างเร็วคือใน 3 เดือนข้างหน้า เพราะการเอาใจใส่ของรัฐบาลจีน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าไทย ซึ่งคาดว่าการท่องเที่ยวจีนในสายตานักท่องเที่ยวไทยจะดีขึ้นแล้ว
แนะท่องเที่ยวปลอดภัยตามฤดู
อย่างไรก็ดีจีน ถือเป็นประเทศใหญ่ที่มีเหตุภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว ดินถล่ม ซึ่งน้ำท่วมถือเป็นภัยธรรมชาติที่จีนประสบบ่อยที่สุด จึงขอแนะนำว่าหากคนไทยจะไปเที่ยวจีนควรศึกษาว่าแหล่งท่องเที่ยวไหนห้ามไปเที่ยวในเวลาใดบ้างด้วย ได้แก่
ทางซีกตะวันตกของจีน ทั้งเส้นทางสายไหม มองโกลเลีย แชงกลีลา ควรไปเที่ยวตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ถึงมีความเหมาะสม ส่วนหน้าฝน จะมีปัญหาน้ำท่วมมากในซีกตะวันออกของจีน ทั้งมณฑลหูหนาน มณฑลเจียงซี มณฑลอันฮุย มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเซี่ยเหมิน ซึ่งมักมีน้ำท่วมจากพายุต่างๆ ในช่วงเดือน มิถุนายน-กันยายน
หลังจากนั้นในเดือน กันยายน-พฤศจิกายนนั้น โดยภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนถือว่าดี เหมาะสมที่สุด ยกเว้นซีกตะวันตกของจีน ซึ่งมีหิมะ และมีความหนาวมาก หลายสถานที่ท่องเที่ยวไม่เปิดให้บริการ โรงแรมหยุด ฯลฯ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีหลายบริษัททัวร์ทำทัวร์หลอกให้นักท่องเที่ยวเดินทางในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง
ยอดท่องเที่ยวจีนลด 15%
ด้าน สมชาย ชมระกา ประธานบริษัทวีคเอ็นท์ ทัวร์ แอนด์ คาร์โก้ เซอร์วิส จำกัด บริษัททัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไทยไปจีนรายใหญ่ที่สุดของไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ยอดผู้สั่งจองไปเที่ยวเมืองจีนในช่วงนี้มีการยกเลิกไปประมาณ 15% ซึ่งเป็นยอดรวมของการเที่ยวทั้งประเทศจีน
อย่างไรก็ดี แหล่งท่องเที่ยวหลายแหล่งมีความกระทบหนัก ทั้งแหล่งท่องเที่ยวในมณฑลเสฉวน ซึ่งโชคดีที่ขณะนี้เป็นช่วงโลซีซัน แต่ที่โชคร้ายคือเส้นทางท่องเที่ยวในมณฑลอื่นๆ ที่ต้องใช้การเดินทางผ่านเสฉวน ได้แก่ ทิเบต ซินเกียง ชิงไห่ หนิงเซี่ยะ ที่ขณะนี้กำลังเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยว ซึ่งไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้
อย่างไรก็ดีการที่จีนยอมรับความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกาที่เข้าไปช่วยกู้ภัย รวมทั้งการระดมทหารกว่า 12,000 คนเข้าไปช่วยเหลือทุกพื้นที่ที่ห่างไกลก็มีการระดมเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือนั้น การกระทำต่างๆ ของรัฐบาลจีนจะเป็นตัวหลักที่สร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าการท่องเที่ยวจีนจะสามารถฟื้นตัวได้อีก 3 เดือน
“รัฐบาลจีนต้องเร่งฟื้นฟูมณฑลเสฉวนอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นมณฑลที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนจีนในมณฑลนี้ ซึ่งถึงแม้มีการเพาะปลูกแต่ว่าการท่องเที่ยวยังเป็นการหารายได้เด่นที่สุด เช่น จิ่วไจ้โกวที่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยววันละ 1-2 หมื่นคน มีค่าบัตรเข้าชมอยู่ที่ 300 หยวนต่อคน หรือตกพันกว่าบาท”
นักธรณีวิทยาเตือนอีก 3 จุดเสี่ยงแผ่นดินไหว
ด้านผศ.ดร.มนตรี ชูวงษ์ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีการพยากรณ์ไว้แล้วโดยนักวิทยาศาสตร์จีน เมื่อ 6 ปีก่อน โดย เฉิน ซู่ จง นักวิจัยอาวุโสประจำสำนักงานแผ่นดินไหววิทยาของจีน โดย เฉิน เคยเขียนบทความลงในวารสาร "ความก้าวหน้าด้านแผ่นดินไหววิทยาโลก" ฉบับเดือนธันวาคม 2545 ว่า มีความไปได้ค่อนข้างชัดเจนว่า มณฑลเสฉวนจะเผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 7 ริกเตอร์ ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จากการศึกษาข้อมูลทางธรณีวิทยา และสถิติ
ทั้งนี้พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนครั้งนี้ถือว่าเป็นบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นเปลือกโลกใกล้ๆ รอยตะเข็บแผ่นเปลือกโลกที่ทิเบต จึงถือว่าจีนยังมีความเสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีกในด้านโครงสร้างทางธรณีวิทยา
โดยจากข้อมูล USGS ของทางสหรัฐอเมริกา ได้เคยรายงานเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเช่นกันว่า พื้นที่เสี่ยงที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวในรอบ 50 ปี นี้มีมณฑลเสฉวนอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย จากข้อมูลสถิติและโครงสร้างทางธรณีวิทยา ทั้งพลังรอยเลื่อน ค่าความเป็นไปได้ ซึ่งยังมีพื้นที่เสี่ยงในจีนที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกในรอบ 50 ปีนี้ได้แก่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเฉิงตู ที่มีรอยต่อแผ่นเปลือกโลกใกล้ตอนเหนือของพม่า ใกล้ตะเข็บเปลือกโลกใหญ่ และทางเหนือของเฉิงตูก็มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวเช่นกัน ส่วนด้านตะวันออกของนครเฉิงตูมีโอกาสเกิดได้น้อยกว่า สำหรับเมืองคุนหมิง เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นกัน
ผ่านไปแล้วสำหรับการไว้อาลัยให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลจีนในช่วงวันที่ 19-21 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่การขุดค้นซากผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น และทางการจีนคาดว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 50,000 ราย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักแผ่นดินไหวจีน ได้ปรับค่าวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวครั้งดังกล่าวจาก 7.9 ริกเตอร์ เป็น8.0 ริกเตอร์ แน่นอนว่าการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว!
6 แหล่งท่องเที่ยวใกล้เฉิงตูกระทบหนัก
เดชธิชัย เลียนทอง เจ้าของบริษัทสตาร์ดัสท์ ทราเวล จำกัด บริษัททัวร์ไทยไปจีนที่มีความเชี่ยวชาญในการท่องเที่ยวที่มณฑลเสฉวนอย่างมาก กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเหวิ่นชวน ซึ่งอยู่ห่างจากนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 92 กิโลเมตร นับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 1976 ที่เมืองถังซาน
เมื่อดูตามแผนที่ก็พบว่า ศูนย์กลางเมืองแผ่นดินไหวคือเมืองเหวิ่นชวนมีผลกระทบหนักสุด รวมถึงเมืองรอบข้างที่ได้รับผลกระทบหนักเช่นกันได้แก่ เมืองเม่าเซี่ยน เหมี่ยนหยาง เต๋อหยาง และตูเจียงเอี้ยน รวมทั้งนครเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ต้องถือว่าเป็นอาชีพที่อ่อนไหวที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ หรือภัยการเมืองครั้งใหญ่ๆ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในจีนครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกลัวความไม่ปลอดภัยทั้งจากอาฟเตอร์ช็อคที่ยังเกิดขึ้นอีกหลายครั้งตามมา การที่รัฐบาลจีนประกาศเตือนว่าอาจมีเขื่อน 2 เขื่อนใหญ่แตก และอาจทำให้ผู้คนล้มตายอีกจำนวนมาก รวมทั้งการเกิดโรคระบาดตามมา ย่อมทำให้คนที่จะไปเที่ยวจีนเวลานี้ต้องคิดแล้วคิดอีก
สำหรับมณฑลเสฉวน ถือเป็นมณฑลที่มีจุดเด่นอยู่ที่การท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามระดับโลกอยู่หลายแห่ง และจากประสบการณ์พบว่าแหล่งท่องเที่ยวอย่างน้อย 6 แห่งจะได้รับผลกระทบหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ประกอบด้วย
1.จิ่วไจ้โกว แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากในจีน โดยเป็นที่รู้จักกันในนามของดินแดนแห่งความฝัน มีความสวยงามอย่างมาก
2. ไห่หลั่วโกว แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้กับ จิ่วไจ้โกว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามมากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากนัก ทำให้ความเป็นธรรมชาติของที่นี่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะผู้ที่อยากเห็น “ซาโก” หรือเกร็ดน้ำแข็งที่ย้อยลงมาคล้ายกับคริสตัล
3.ซือกูเหนียงซัน หรือ 4 ดรุณี ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทั้งภูเขา และมีเรื่องเล่าจากนิทานปรัมปรา ที่ทำให้การไปเที่ยว ณ จุดนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
4.เขตหวงหลง เป็นเขตอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งประกอบด้วยภูเขา น้ำตก และวัดหวงหลงซึ่งมีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ และมีธรรมชาติที่งดงามอย่างมาก
“4แห่งนี้อยู่ทางเหนือของเฉิงตู โดยการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวนั้นจะต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่หวงหลง และเดินทางอีก 1 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงที่จิ่วไจ้โกว ซึ่งขณะนี้มีความอันตรายมาก เพราะทางไปกำลังอยู่ในช่วงปรับถนน มีหน้าผาหลายแห่ง และบางช่วงมีหินถล่ม”
ด้านทางใต้ของนครเฉิงตู จะมีแหล่งท่องเที่ยวอีก 2 แห่งที่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงด้านการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ได้แก่
5.เขาง้อไบ๊ และเขาเล่อซัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะเขาเล่อซานที่คนไทยนิยมไปนมัสการหลวงพ่อโต และเขาง๊อไบ๊ที่มีจุดเด่นอยู่ประวัติศาสตร์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับเล่นสกีที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวในสมัยใหม่อีกด้วย
6.ตูเจียงเยี่ยน ที่มีเขื่อนตูเจียงเอี้ยนที่มีอายุกว่า 2,000 ปี สร้างตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยจากเขื่อนถล่ม
ทั้งนี้คาดว่าทางการจีนจะทำการปรับปรุงสภาพเมืองเสร็จอย่างเร็วคือใน 3 เดือนข้างหน้า เพราะการเอาใจใส่ของรัฐบาลจีน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าไทย ซึ่งคาดว่าการท่องเที่ยวจีนในสายตานักท่องเที่ยวไทยจะดีขึ้นแล้ว
แนะท่องเที่ยวปลอดภัยตามฤดู
อย่างไรก็ดีจีน ถือเป็นประเทศใหญ่ที่มีเหตุภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว ดินถล่ม ซึ่งน้ำท่วมถือเป็นภัยธรรมชาติที่จีนประสบบ่อยที่สุด จึงขอแนะนำว่าหากคนไทยจะไปเที่ยวจีนควรศึกษาว่าแหล่งท่องเที่ยวไหนห้ามไปเที่ยวในเวลาใดบ้างด้วย ได้แก่
ทางซีกตะวันตกของจีน ทั้งเส้นทางสายไหม มองโกลเลีย แชงกลีลา ควรไปเที่ยวตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ถึงมีความเหมาะสม ส่วนหน้าฝน จะมีปัญหาน้ำท่วมมากในซีกตะวันออกของจีน ทั้งมณฑลหูหนาน มณฑลเจียงซี มณฑลอันฮุย มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเซี่ยเหมิน ซึ่งมักมีน้ำท่วมจากพายุต่างๆ ในช่วงเดือน มิถุนายน-กันยายน
หลังจากนั้นในเดือน กันยายน-พฤศจิกายนนั้น โดยภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนถือว่าดี เหมาะสมที่สุด ยกเว้นซีกตะวันตกของจีน ซึ่งมีหิมะ และมีความหนาวมาก หลายสถานที่ท่องเที่ยวไม่เปิดให้บริการ โรงแรมหยุด ฯลฯ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีหลายบริษัททัวร์ทำทัวร์หลอกให้นักท่องเที่ยวเดินทางในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง
ยอดท่องเที่ยวจีนลด 15%
ด้าน สมชาย ชมระกา ประธานบริษัทวีคเอ็นท์ ทัวร์ แอนด์ คาร์โก้ เซอร์วิส จำกัด บริษัททัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไทยไปจีนรายใหญ่ที่สุดของไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ยอดผู้สั่งจองไปเที่ยวเมืองจีนในช่วงนี้มีการยกเลิกไปประมาณ 15% ซึ่งเป็นยอดรวมของการเที่ยวทั้งประเทศจีน
อย่างไรก็ดี แหล่งท่องเที่ยวหลายแหล่งมีความกระทบหนัก ทั้งแหล่งท่องเที่ยวในมณฑลเสฉวน ซึ่งโชคดีที่ขณะนี้เป็นช่วงโลซีซัน แต่ที่โชคร้ายคือเส้นทางท่องเที่ยวในมณฑลอื่นๆ ที่ต้องใช้การเดินทางผ่านเสฉวน ได้แก่ ทิเบต ซินเกียง ชิงไห่ หนิงเซี่ยะ ที่ขณะนี้กำลังเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยว ซึ่งไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้
อย่างไรก็ดีการที่จีนยอมรับความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกาที่เข้าไปช่วยกู้ภัย รวมทั้งการระดมทหารกว่า 12,000 คนเข้าไปช่วยเหลือทุกพื้นที่ที่ห่างไกลก็มีการระดมเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือนั้น การกระทำต่างๆ ของรัฐบาลจีนจะเป็นตัวหลักที่สร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าการท่องเที่ยวจีนจะสามารถฟื้นตัวได้อีก 3 เดือน
“รัฐบาลจีนต้องเร่งฟื้นฟูมณฑลเสฉวนอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นมณฑลที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนจีนในมณฑลนี้ ซึ่งถึงแม้มีการเพาะปลูกแต่ว่าการท่องเที่ยวยังเป็นการหารายได้เด่นที่สุด เช่น จิ่วไจ้โกวที่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยววันละ 1-2 หมื่นคน มีค่าบัตรเข้าชมอยู่ที่ 300 หยวนต่อคน หรือตกพันกว่าบาท”
นักธรณีวิทยาเตือนอีก 3 จุดเสี่ยงแผ่นดินไหว
ด้านผศ.ดร.มนตรี ชูวงษ์ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีการพยากรณ์ไว้แล้วโดยนักวิทยาศาสตร์จีน เมื่อ 6 ปีก่อน โดย เฉิน ซู่ จง นักวิจัยอาวุโสประจำสำนักงานแผ่นดินไหววิทยาของจีน โดย เฉิน เคยเขียนบทความลงในวารสาร "ความก้าวหน้าด้านแผ่นดินไหววิทยาโลก" ฉบับเดือนธันวาคม 2545 ว่า มีความไปได้ค่อนข้างชัดเจนว่า มณฑลเสฉวนจะเผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 7 ริกเตอร์ ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จากการศึกษาข้อมูลทางธรณีวิทยา และสถิติ
ทั้งนี้พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนครั้งนี้ถือว่าเป็นบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นเปลือกโลกใกล้ๆ รอยตะเข็บแผ่นเปลือกโลกที่ทิเบต จึงถือว่าจีนยังมีความเสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีกในด้านโครงสร้างทางธรณีวิทยา
โดยจากข้อมูล USGS ของทางสหรัฐอเมริกา ได้เคยรายงานเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเช่นกันว่า พื้นที่เสี่ยงที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวในรอบ 50 ปี นี้มีมณฑลเสฉวนอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย จากข้อมูลสถิติและโครงสร้างทางธรณีวิทยา ทั้งพลังรอยเลื่อน ค่าความเป็นไปได้ ซึ่งยังมีพื้นที่เสี่ยงในจีนที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกในรอบ 50 ปีนี้ได้แก่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเฉิงตู ที่มีรอยต่อแผ่นเปลือกโลกใกล้ตอนเหนือของพม่า ใกล้ตะเข็บเปลือกโลกใหญ่ และทางเหนือของเฉิงตูก็มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวเช่นกัน ส่วนด้านตะวันออกของนครเฉิงตูมีโอกาสเกิดได้น้อยกว่า สำหรับเมืองคุนหมิง เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นกัน