xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาช่องว่างคนรวยคนจน เบื้องหลังเหตุจลาจลในทิเบต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – นักวิเคราะห์ชี้ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนคือเชื้อปะทุให้ความไม่พอใจของชาวทิเบต ระเบิดเป็นการจลาจล

บรรดาผู้นำจีนหวาดกลัวมานานแล้วว่า ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน ที่นับวันขยายตัว จะก่อผลเสียต่อเสถียรภาพของสังคม และฝันร้ายนั้นดูเหมือนได้กลายเป็นความจริง เมื่อการประท้วงในเขตปกครองตนเองทิเบต ภูมิภาคยากจนที่สุดของจีน บานปลายเป็นการจลาจล

นักวิเคราะห์มองว่า การก่อจลาจลในกรุงลาซาเมื่อวันที่ 14 มีนาคมนั้น นอกเหนือจากประเด็นอำนาจปกครองตนเอง และเอกลักษณ์ด้านเชื้อชาติแล้ว ยังมีเหตุผลร่วมผลักดันอีกข้อหนึ่งได้แก่ความรู้สึกของชาวทิเบตที่ว่า พวกตนได้รับเพียงเศษเดนจากการพัฒนาของจีน ซึ่งแอนดรูว์ ฟิสเช่อร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทิเบต เรียกว่า “ การกีดกันทางเชื้อชาติ”

“จีนทุ่มเม็ดเงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลให้ทิเบต จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จีนกำลังทำให้เศรษฐกิจที่นี่โต” นักเศรษฐศาสตร์การพัฒนาของลอนดอนสคูล ออฟ อีโคโนมิกส์ ผู้นี้อธิบาย

“สิ่งตามมาก็คือเศรษฐกิจที่เติบโตมากมายและความร่ำรวย กำลังทำให้เกิดช่องว่างมหึมา นอกจากนั้น การพัฒนายังมีอคติเรื่องเชื้อชาติที่แรงกล้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในลักษณะที่ให้สิทธิพิเศษก่อนแก่วงศ์วานว่านเครือชาวจีน”

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจทิเบตขยายตัวกว่าร้อยละ 12 ต่อปี แต่ความร่ำรวยที่แตกต่างกันระหว่างเมืองกับชนบท ซึ่งเป็นปัญหาที่วิตกกันไปทั่วประเทศแล้วนั้น ส่งเสียงดังลั่นในทิเบตยิ่งกว่าที่อื่น ๆ

นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุด้วยว่า เงินเฟ้อ ซึ่งพุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปีในจีนนั้น ยังเป็นภาวะสาหัสที่สุดในทิเบต ซึ่งมีรายได้ต่ำ

“แม้การลงทุนของจีนทำให้ทิเบตพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทิเบตก็ยังคงเป็นดินแดนของคนจนอยู่ดี” ไซมอน ลิตเติ้ลวู้ด ประธานบริษัทที่ปรึกษา “เอเชียนาว” ให้ความเห็น

นอกจากนั้น มีประชากรในทิเบตเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ที่ได้เรียนถึงชั้นมัธยม เทียบกับประชากรที่เหลือในจีน ที่มีโอกาสเรียนในระดับนี้ถึงกว่าร้อยละ 60

และในขณะที่บรรดาผู้นำจีนชื่นชมว่า สามารถขจัดปัญหาประชากรไม่รู้หนังสือให้หมดไปได้นั้น อัตราผู้ไม่รู้หนังสือในทิเบตก็ยังสูงกว่าร้อยละ 40

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม มักมีการมองกันว่า ชาวจีนเชื้อสายฮั่นในทิเบตได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามากกว่าพวกชนกลุ่มน้อย” เกลนน์ มาไควร์ และแพทริก เบ็นเน็ตต์ แห่งโซซิเอ็ต เจเนอรัล เขียนไว้ในหมายเหตุการวิจัยชิ้นหนึ่ง

แรงงานไร้ฝีมือ

ชาวทิเบตในเขตชนบท ซึ่งเคยหาเลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์ และทำไร่นา พากันเข้ามาหางานทำในเมือง และเสี่ยงถูกรวมอยู่ในกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ

“พวกเขาอาจขาดทักษะในการแข่งขันหางานทำในธุรกิจภาคบริการ ที่กำลังบูม ด้วยเหตุนี้ ผู้อพยพจากภูมิภาคอื่นในจีน เช่น กานซู่ จึงคว้างานเหล่านี้ไป” หวัง เหวินฉาง อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งเชื้อชาติส่วนกลางในกรุงปักกิ่ง ระบุ

ความรู้สึกว่าตนเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้รับความเท่าเทียมกันในสังคม ยังถูกซ้ำเติมด้วยการเปิดเส้นทางรถไฟไปยังทิเบตในปี 2549 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ยิ่งกระตุ้นให้ชาวจีนเชื้อสายฮั่นไหลบ่าเข้าไป

ผู้อพยพชาวจีนส่วนใหญ่เองก็เป็นคนยากจน แต่ปัญหามีอยู่ว่าชาวทิเบตมองบทบาทของตนเองอย่างไร? ในท่ามกลางกระแสการพัฒนาในภูมิภาคนี้

“พวกเขาสำนึกได้ดีถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่เขตมองโกเลียตอนใน และที่ซินเกียงในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้อพยพชาวจีนทะลักเข้าไปตั้งรกราก จนกระทั่งชนพื้นเมืองกลับกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไป” เซริง ซัคยานักวิชาการชาวทิเบตของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียกล่าว

ทั้งนี้ ในเหตุการณ์จลาจล จะเห็นได้ว่า พวกม็อบได้เข้าทุบทำลายร้านค้า และปล้นชิงทรัพย์สินของชาวฮั่น

ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ชี้ว่า สิ่งที่ชาวทิเบตต้องการมากยิ่งกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือการส่งเงินทุนมาจากภายนอกได้แก่โอกาสได้รับการศึกษาในภาคภาษาทิเบตมากขึ้น, การฝึกฝนอาชีพ และการมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าเดิมในการพัฒนาทิเบตตามวิถีทางของพวกเขาเอง

ฟิสเช่อร์ระบุว่า ทุกวันนี้ มีชาวทิเบตเพียงหยิบมือเดียว ที่ได้รับการศึกษาดี และมีส่วนร่วมในสังคม “แต่ชาวทิเบตนอกนั้น มีความรู้สึกว่าถูกลิดรอนอำนาจ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอย่างใดกับการพัฒนาในทิเบตเลย”

“มันก็เลยเป็นดินปืนที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา”
กำลังโหลดความคิดเห็น