xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ฮ่องกงแห่ลดดอกเบี้ยตามเฟด ชี้ฮ่องกงอาจเลิกผูกค่าเงินกับดอลลาร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเยนซี – ธนาคารเอชเอสบีซี ,ธนาคารฮั่งเส็ง และแบงก์ ออฟ อีสต์เอเชียต่างปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.5% ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากลงไปเกือบแตะ 0% ด้านนักวิเคราะห์จากญี่ปุ่นระบุ หากดอลลาร์ยังตกต่อไป ฮ่องกงอาจเลิกผูกค่าเงินกับสหรัฐฯ

หลังทิศทางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงอ่อนแอ จนทำให้ตัวเลขการเติบโตของการใช้จ่ายภาคผู้บริโภคช้าลง ขณะที่ตลาดแรงงาน และตลาดการเงินก็ยังคงความตึงเครียด ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75 เปอร์เซ็นต์หลังการประชุมเฟดเสร็จสิ้นลงไปเมื่อวันอังคาร (18) มีผลให้อัตราดอกเบี้ยฟันด์เรต หรือดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนระหว่างธนาคารในปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 2.25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปีค.ศ. 2005

ซึ่งก็เป็นเหมือนที่ผ่านคือหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ย ในวันเดียวกันหรือรุ่งขึ้นอีกวัน ธนาคารต่างๆในฮ่องกงก็จะออกมาปรับลดตามเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันพุธ (19 มี.ค.) ธนาคารเอชเอสบีซี และธนาคารฮั่งเส็ง ได้ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของผู้กู้ชั้นดีลงมาจาก 0.5% โดยลดจาก 5.75% มาอยู่ที่ 5.25% ในขณะที่แบงก์ ออฟ อีสต์เอเชีย ก็ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้จาก 6% ลงมาอยู่ที่ 5.5%

นอกจากนั้นธนาคารเอชเอสบีซีและธนาคารฮั่งเส็งยังได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่ฝากเงิน 5,000 เหรียญฮ่องกง หรือมากกว่า จะได้รับดอกเบี้ยในอัตรา 0.01% และหากฝากเงินไม่ถึง 5,000 เหรียญฮ่องกง จะไม่ได้รับดอกเบี้ย ส่วนแบงก์ ออฟ อีสต์เอเชียนั้น ผู้ที่ฝากเงินมากกว่า 100,000 เหรียญฮ่องกงขึ้นไปจะได้รับดอกเบี้ย 0.25% เงินฝากระหว่าง 10,000-100,000 เหรียญฮ่องกงจะได้รับดอกเบี้ย 0.05% ส่วนที่ต่ำกว่า 10,000 เหรียญฮ่องกงก็จะคิดตามเอชเอสบีซี กับธนาคารฮั่งเส็ง

อย่างไรก็ตาม นายหวัง ตงเซิ่งซีอีโอของธนาคารเอชเอสบีซีได้เปิดเผยว่า “หลังจากที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากแทบจะแตะ 0% ดังนั้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯยังปรับดอกเบี้ยลงอีก เกรงว่าช่องว่างในการลดดอกเบี้ยของฮ่องกงคงจะมีจำกัด”

ฮ่องกงอาจเลิกผูกค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐฯ

รายงานของโนมูระ ซีเคียวริตี้ส์จากญี่ปุ่นได้ประเมินว่า ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงมากขึ้นเรื่อยๆนั้น อาจจะเป็นการบีบให้ฮ่องกงจะเป็นจะต้องเลิกการผูกค่าเงินกับสหรัฐฯ ที่ทำมาเป็นเวลา 24 ปี เพื่อที่จะไม่ถูกสหรัฐฯฉุดลากให้เสียหาย จนกลายเป็นปัญหาทางด้านการเงินและสังคมอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงปีที่ผ่านมานั้น เงินฮ่องกงนั้นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงิน 14 สกุลจาก 17 สกุลหลักในโลก สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ต้นทุนในการนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่ยังผลักดันให้เงินเฟ้อในฮ่องกงถีบตัวไปอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี อีกทั้งนับตั้งแต่จีนได้ปฏิรูปค่าเงินตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2005 เป็นต้นมา ก็ได้ทำให้ประเทศในอ่าวเปอร์เซียที่มีความสนใจที่จะเอาอย่างบ้าง

เห็นจากเมื่อเดือนพ.ค. ที่คูเวตได้กลายเป็นรายต่อมาในการที่เลิกให้อัตราแลกเปลี่ยนของตนผูกค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพียงสกุลเดียว นอกจากนั้นยังมีกาต้าร์ ที่กำลังพิจารณาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบอัตราแลกเปลี่ยนใหม่

Sean Darby นักวิเคราะห์นโยบายเอเชียแปซิฟิก จากโนมูระ ซีเคียวริตี้ส์ได้เปิดเผยว่า “ผลสุดท้ายจะตัดสินกันด้วยนโยบายทางการเมือง ในอดีตตะวันออกกลางเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันมาก่อน นั่นก็คือเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้น จนทำให้เกิดเป็นความวุ่นวายในสังคม”

การที่เงินหยวนแข็งค่าเร็วขึ้น ยิ่งทำให้นานาชาติเริ่มที่จะทุ่มเงินเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อกว้านซื้อหุ้นเรดชิปในตลาดฮ่องกง ทำให้ทบวงการเงินซึ่งรับบทบาทของธนาคารกลางฮ่องกงจะต้องสูญเงินเพื่อต่อสู้ค่าเงินไปในปีที่แล้ว 7,828 ล้านเหรียญฮ่องกง

และแม้ว่าเมื่อต้นเดือนม.ค. นายเริ่น จื้อกังหนึ่งในหัวหอกทางด้านการเงินของฮ่องกงจะออกมาบอกว่า ขณะนี้การผูกค่าเงินกับสหรัฐฯยังสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทว่าในรายงานของ Sean Darby ได้ระบุว่า การผูกอัตราแลกเปลี่ยนนั้นอาจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมอีกต่อไป และที่น่าตกใจมากก็คือ นักลงทุนกลับไม่เคยคิดว่าฮ่องกงอาจมีการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยน


อย่างไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดของธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (พีบีโอซี) ได้มีการประเมินว่า แม้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐฯจะอ่อนค่าลงมาตลอด แต่คาดว่าก่อนช่วงปลายปีนี้ ค่าเงินของสหรัฐฯจะกลับมาแข็งค่าขึ้น และคาดว่าจนถึงปลายปีนี้ เงินหยวนจะแข็งค่าจนไปหยุดที่ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น