หนังสือพิมพ์สากล – กองทุนลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนเผยไต้หวันไม่ต้อนรับการไปลงทุนของซีไอซี ดังนั้นหากจะมีการลงทุนจริง ก็จะไม่ลงทุนตรง แต่จะเป็นรูปแบบผ่านกองทุน ในขณะที่หุ้นของแบล๊ค สโตน บริษัทแรกที่ซีไอซีได้ไปลงทุนได้ตกฮวบ จนขณะนี้ซีไอซีขาดทุนไปแล้วกว่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายวั่ง เจี้ยนซีรองผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าฝ่ายบริหารความเสี่ยงของกองทุนบริหารความมั่งคั่ง หรือบรรษัทการลงทุนแห่งประเทศจีน (ซีไอซี)ได้เปิดเผยว่า รูปแบบการลงทุนของซีไอซีนั้นจะไม่มีการแบ่งแยกสาขาอาชีพหรือสถานที่ แต่สำหรับไต้หวัน หากมีโอกาสในการลงทุนก็อาจเป็นได้ว่าจะมีการลงทุนผ่านกองทุน แต่จะไม่ลงทุนโดยตรง
โดยในช่วงการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 17 ในปีที่ผ่านมา นายโหลว จี้เหว่ย ประธานซีไอซีได้เปิดเผยว่าทางบริษัทจะใช้เงินสกุลเหรินหมินปี้ในการไปลงทุนในดินแดนต่างๆ รวมถึงฮ่องกงและไต้หวัน ทว่าต่อท่าทีดังกล่าวนั้น ไต้หวันได้ออกมาแสดงจุดยืนไม่ยอมรับในทันที
ภายหลังโหลว จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า “ประเทศหรือภูมิภาคใดที่ไม่ต้อนรับเราไป เราก็จะไม่ไป “ และถ้ามีโอกาสที่ทางซีไอซีจะไปลงทุนในไต้หวัน ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านบริษัทกองทุนต่างๆอาทิ Asia Equity} Golbal Emrging Markets Equity เป็นต้น
ต่อท่าเรื่องการลงทุนในอนาคตวัง เจี้ยนซีได้เปิดเผยว่า “ขณะนี้เรารู้สึกว่าการลงทุนในอังกฤษค่อนข้างจะชัดเจนที่สุด ทางนั้นค่อนข้างยินดีให้เราไปลงทุน และล่าสุดเราก็ได้รับสัญญาณจากญี่ปุ่นให้เราไปลงทุนเช่นกัน แต่เราก็จะไม่ลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศทั้งสองด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสงสัยต่อความสามารถของกองทุนยักษ์แห่งนี้ของจีน จากการที่ไปลงทุนในแบล๊ค สโตน ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ซีไอซี ได้ไปลงทุนเอาไว้ด้วยการทุ่มเงิน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 29.605 เหรียญจำนวน 101 ล้านหุ้น หากคำนวณตัวเลขเมื่อกลางสัปดาห์ที่หุ้นแบล๊ค สโตนตกไปอยู่ที่ 16.47เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เท่ากับว่าซีไอซีของจีนได้ขาดทุนไปแล้วกว่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบกึ่งหนึ่งของเงินลงทุนทั้งหมด
ทั้งนี้หุ้นของแบล๊ค สโตน กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่เงินทุนสหรัฐฯได้ตกฮวบมาตลอดเกือบทั้งปี และหลังจากที่ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ว่าขาดทุนทั้งสิ้น 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีรายได้ลดลงจาก 345 ล้านเหรียญสหรัฐฯถึง 73% และผลจากการประกาศผลประกอบการดังกล่าว ได้ทำให้หุ้นของแบล๊ค สโตน กรุ๊ปทำสถิติต่ำสุด โดยร่วงไปอยู่ที่ 13.82 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น ซึ่งหากนับจากวันที่ 23 มิ.ย. 2007 ที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กนั้น หลังจากเจอพิษของซับไพรม์ ได้ทำให้ราคาหุ้นของแบล๊ค สโตนตกไปแล้วถึง 55% โดยนอกจากแบล๊ค สโตนแล้ว จนถึงขณะนี้ซีไอซีได้ลงทุนในวานิชธนกิจชื่อดังของสหรัฐฯอย่างมอร์แกน สแตนลีย์ และไชน่า เรลเวย์ คอนสตรักชั่น