xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการเร่งจีนปฏิรูปการเมือง ก่อนระบบเก่าทำลายประเทศพัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ – กลุ่มนักวิชาการระดับหัวกะทิของโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์กลางเสนอแผนปฏิรูประบบการเมืองอย่างครอบคลุม เพื่อจำกัดอำนาจพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งปกครองประเทศ เตือนหากไม่ลงมือทำตามแผน เสถียรภาพของชาติจะตกอยู่ในอันตราย

ในรายงานชื่อว่า “การโจมตีป้อมปราการ : รายงานวิจัยว่าด้วยการปฏิรูประบบการเมืองของจีนภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 17”(Storming the Fortress: A Research Report on China ‘s Political System Reform after the 17th Party Congress)นักวิชาการกลุ่มนี้กล่าวถึง “แผนปฏิรูประบบการเมืองอย่างครอบคลุม” ว่า การให้เสรีภาพอย่างต่อเนื่องจะสามารถสร้าง”สังคมพลเมืองสมัยใหม่”ในจีนได้ภายในปี 2563 หรือในอีก 12 ปีข้างหน้า และจะก่อให้เกิด”ประชาธิปไตยและหลักกฎหมาย ซึ่งเติบกล้าเต็มที่” ในอีกหลายทศวรรษต่อมา

อย่างไรก็ตาม หากลงมือดำเนินการล่าช้า ก็อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ, ความเสื่อมทรามลงของปัญหาคอร์รัปชั่น และความไม่พอใจของประชาชน โดยชี้ว่า “พลเมือง” มีสำนึกประชาธิปไตยสูงขึ้นทุกที ขณะเดียวกันการฉ้อราษฎรบังหลวงกำลังแพร่ระบาดรุนแรงในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาลและภายในพรรคคอมมิวนิสต์

แผนปฏิรูปเสนอการผ่อนคลายการควบคุมทางการเมือง 3 ขั้นตอน ซึ่งรวมทั้งการจำกัดอำนาจพรรคคอมมิวนิสต์ และการขยายสิทธิของพลเมือง, ผู้สื่อข่าว,ผู้นับถือศาสนา และสมาชิกสภาผู้แทนประชาชน

ที่ปรึกษาระดับหัวกะทิเหล่านี้เห็นว่า เมื่อจีนดำเนินการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสังคมที่ยังไม่มั่นคง จำเป็นต้องวางกฎระเบียบด้านสื่อสารมวลชน แต่ระบบการเก็บงำความลับ และการเซ็นเซอร์ข่าวสารตามอำเภอใจอย่างในปัจจุบันนั้น กำลังส่งเสริมการทุจริตและทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล
“เสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นแนวโน้มที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” รายงานระบุ พร้อมกับเรียกร้องให้มีกฎหมายปกป้องผู้สื่อข่าว และยุติการแทรกแซงอย่างผิดกฎหมาย

นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพศรัทธาความเชื่อทางศาสนาของประชาชนให้มากขึ้น เรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวในจีน เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์วิตกที่มีจำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์เพิ่มขึ้น, ความวุ่นวายในทิเบต ซึ่งเป็นดินแดนพุทธ และในภูมิภาคซินเจียง ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม

รายงานยังเสนอให้ปรับขนาดสภาประชาชน ซึ่งมีผู้แทน 3,000 คน ให้เพรียวลง และให้อำนาจแก่สภาโดยตรงในการกำหนดงบประมาณ และตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาล

นอกจากนั้น ผู้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาประชาชน ควรได้รับอนุญาตให้มีการแข่งขันหาเสียงอย่างคึกคักจากปัจจุบันที่ทางการสั่งห้าม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เองต้องอยู่ภายใต้หลักแห่งกฎหมาย

รายงานมีทั้งหมด 366 หน้า จัดทำเสร็จในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 5 ปีไม่นาน อย่างไรก็ตาม แผนปฏิรูปกลับมีคุณค่าเพียงแค่การปรากฎโฉมอยู่ในร้านหนังสือบางแห่งในกรุงปักกิ่งเท่านั้น

ด้านประธานาธิบดีหูจิ่นเทายังคงยืนยันในสุนทรพจน์เมื่อวันจันทร์ (18 ก.พ.2551) ว่า พรรคคอมมิวนิสต์ต้องเป็น “แกนหลักความเป็นผู้นำที่ซื่อสัตย์” ซึ่งรักษาความผูกพัน “ด้วยเลือดและเนื้อ” กับประชาชน แม้ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหูส่งเสริมประชาธิปไตยภายในพรรคในระดับหนึ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกันได้มากขึ้นก็ตาม

จากผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกี่ยวกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับกลาง ซึ่งกำลังศึกษาที่โรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์กลาง ระบุว่า มีผู้เห็นความจำเป็นในการปฏิรูปการเมืองอย่างลึกซึ้งเพิ่มมากขึ้น

“จนถึงปัจจุบัน การปฏิรูปการเมืองทำอย่างกระจัดกระจาย และไร้ความต่อเนื่อง” หวังกุ้ยซิ่ว ศาสตราจารย์คนหนึ่งของโรงเรียน ซึ่งไม่ได้ทำรายงานการศึกษานี้ ให้ความเห็น “การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริงจำเป็นต้องมีแผนปฏิบัติการอย่างมีแก่นสาร ซึ่งนักวิชาการและเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเชื่อว่า คือสิ่งที่ต้องการในขณะนี้”

ผู้เขียนรายงานรวมทั้งโจวเตียนหย่ง และหวังฉางเจียง ทั้งสองเป็นนักวิชาการอาวุโส ที่มีจิตวิญญาณแห่งการปฏิรูป ส่วนคำนำของรายงาน เขียนโดยหลี่จวินหรู ซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐบาล และรองประธานโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์กลาง

ทั้งนี้ โรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์กลางเป็นสถาบันฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สำหรับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่สำคัญ.
กำลังโหลดความคิดเห็น