เอเยนซี – ปักกั่งเข็นนโยบายประชานิยม เอาใจชาวชนบท สั่งปรับอัตราภาษีวัตถุดิบปุ๋ย เริ่มโครงการนำร่องอุดหนุนซื้อ ทีวี, ตู้เย็น และมือถือ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเจอวิกฤตซับไพรม์ และพายุหิมะกระหน่ำ
หลังรัฐบาลจีนเผยนโยบายประชานิยมเมื่อปลายปี 2007 เตรียมอุดหนุนชนบท ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคชนบท ผลักอุปสงค์ภายในประเทศ แถมช่วยลดดุลการค้า สาเหตุหลักของข้อพิพาททางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์ได้สำรวจผลกระทบของโครงการนำร่องในมณฑลซันตง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 4 ม.ค. ปรากฏว่าได้รับแรงตอบรับอย่างดี
หยวนซั่นชุน ชาวนารายแรกที่ได้รับการอุดหนุนจากโครงการของรัฐ ในการซื้อตู้เย็น กล่าวว่า “มีแต่คนรุมถามผมว่า ทำอย่างไรจึงจะได้รับการสนับสนุนบ้าง ใครจะเชื่อว่ารัฐบาลแจกเงินให้เราซื้อของพวกนี้ ประหนึ่งว่ามีอาหารฟรีตกมาจากสวรรค์”
ทั้งนี้หยวนเป็นหนึ่งในชาวนาชนบท ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนำร่องของรัฐในมณฑลซันตง และมณฑลอื่นอีก 2 มณฑล โดยรัฐบาลจะคืนภาษี 13% ให้กับชาวนาที่ซื้อโทรทัศน์, ตู้เย็น และโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่องขึ้นไป
ทางรัฐบาลได้เจรจากับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังอาทิ ไหเอ่อร์, ไห่ซิ่น และฉางหง ให้ทำการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สามารถทนกับการใช้งานในชนบท และราคาย่อมเยา โดยการกำหนดเพดานราคาสำหรับตู้เย็นที่ 2,000 หยวน, ทีวี 1,500 หยวน และ โทรศัพท์มือถือ 1,000 หยวน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายมหภาค ที่ทางรัฐบาลพยายามกระตุ้นการบริโภคของภาคชนบท ที่มีประชากรกว่า 740 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 56% จากจำนวนประชากรทั่วประเทศทั้งหมด เนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อหัวในภาคชนบทอยู่ที่ 4,140 หยวน ขณะที่รายได้เฉลี่ยในเมืองอยู่ที่ราว 13,786 หยวน ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่างกันถึง 3 เท่า ที่ผ่านมาการบริโภคในภาคชนบทจึงมีสัดส่วนน้อยกว่าเมืองมาก
ปัจจุบันจีนเจอหลากปัญหารุมเร้า ทั้งปัญหาเกินดุลการค้าระหว่างประเทศ ที่กลายเป็นข้อพิพาทกับประเทศตะวันตก เนื่องจากส่งออกมากกว่านำเข้า ปัญหาพิษซับไพรม์กระทบเศรษฐกิจจีน ทำเอาการลงทุนหดหาย อุปสงค์จากการส่งออกวูบ แถมล่าสุดยังโดนหิมะกระหน่ำ ทำเอาเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ
ปัญหาเหล่านี้ทำให้รัฐบาลจีนต้องเร่งสร้างอุปสงค์ภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ถูกพิษซับไพรม์เล่นงาน ขณะเดียวกันโครงการประชานิยมดังกล่าวยังช่วยบรรเทาความรู้สึกแตกต่างระหว่างชาวชนบทกับชาวเมือง เนื่องจากช่วยให้ชาวชนบทสามารถร่วมเสพความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับชาวเมืองได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าช่องว่างรายได้จะห่างกันก็ตาม
อาร์เธอร์ โครเบอร์ ผู้จัดการทั่วไป ของ ดราโกโนมิคส์ วิจารณ์ว่า “สิ่งที่รัฐบาลพยามทำคือ การสร้างความมั่นใจว่า ภาคครัวเรือนสามารถไล่ทัน และเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และรัฐบาลยังต้องการชะลอช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบทด้วย”
ประชานิยมการเมือง
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเร่งอัดฉีดความช่วยเหลือต่างๆ ให้กับชาวนาในชนบท ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง ผ่านการยกเลิกภาษีเกษตร, ค่าธรรมเนียมการศึกษาขั้นประถม รวมทั้งเร่งสร้างระบบประกันสุขภาพ
เนื่องจากผลกระทบจากการพัฒนา ทำให้ชาวชนบทที่ถูกเวนคืนที่ดิน และรู้สึกว่าตนไม่ได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกับคนเมือง ออกมาเดินขบวนประท้วงหลายครั้ง จนกลายเป็นประเด็นด้านความมั่นคง เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ปักกิ่งจึงงัดนโยบายประชานิยมมาใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมือง
ทว่าความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นด้านการเมืองยิ่งปรากฏชัด ล่าสุดกระทรวงการคลังประกาศขึ้นภาษีส่งออกปุ๋ยบางประเภท และคืนภาษีนำเข้าอุปกรณ์ด้านการเกษตร หลังจากราคาสินค้าบริโภค และเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางรัฐบาลประกาศคุมราคาทำให้เกษตรกรไม่สามารถรองรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ แถมวิกฤตพายุหิมะยังทำให้เกิดการสูญเสียผลิตผลและรายได้มูลค่ามหาศาล
เมื่อพิจารณาถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร รัฐบาลจึงเข็นนโยบายเอาใจชาวนาชนบท โดยคณะมุขมนตรีอนุมัติ เพิ่มภาษีส่งออกชั่วคราวสำหรับ แอมโมนียม ไฮโดรเจน ฟอสเฟต และส่วนผสม กับ แอมโมนียม ไดไฮโดรเจน ฟอสเฟต และส่วนผสม ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญของปุ๋ยเพิ่ม 35% ระหว่าง 15ก.พ. – 30 ก.ย. 2008 และจะปรับลดอัตราภาษีเหลือ 20% ระหว่าง 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2008 นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ทางกระทรวงการคลังยังได้สั่งคืนภาษีสินค้านำเข้าบางชนิดที่สั่งเข้ามาเพื่อการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งคืนภาษีอุปกรณ์ทางการเกษตรอาทิ รถไถ, รถเก็บเกี่ยวข้าวแบบแกน, รถเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง, เครื่องหว่านเมล็ด ฯลฯ
นโยบายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดทอนความตึงเครียด ที่ชาวชนบทได้รับจากโครงสร้างการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม, เงินเฟ้อ และพายุหิมะ
ยาใจคนจน
เฉียนหวัง นักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกน ฮ่องกง แสดงทัศนะว่า “พิจารณาในมุมเศรษฐกิจ รัฐบาลใช้มาตรการเหล่านี้เป็นยุทธศาสตร์ระยะกลางสำหรับการกระตุ้นอุปสงค์ภายใน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน”
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายรายต่างชี้ว่า ประเด็นทางการเมืองที่แฝงมากับนโยบายก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย
การยกเลิกภาษีเกษตร, ค่าธรรมเนียมการศึกษาขั้นประถม รวมทั้งเร่งสร้างระบบประกันสุขภาพ ดูเผินๆเหมือนจะช่วยเกษตรกรได้มาก ทว่าพิจารณาจากสภาพเงินเฟ้อ และความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติ มาตรการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ
ระบบประกันสุขภาพยังไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ชาวชนบทต้องพึ่งตนเองเป็นหลัก สวีเฉิงเส้อ กล่าวว่า หลังเขาเสียขาไปข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุ เขาต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ด้วยการยืมเงินจากญาติและเพื่อน เนื่องจากระบบประกันสุขภาพยังไม่ได้มาตรฐาน
สวีและภรรยายังมีหนี้สิน ทว่าการคืนภาษีอุดหนุนให้ซื้อตู้เย็น ทำให้สวีรู้สึกว่า เขาสามารถลืมตาอ้าปาก เท่าเทียมกับคนอื่นๆ ไม่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ่งบอกฐานะทางเศรษฐกิจในชนบท สิ้นปี 2006 ครัวเรือนในชนบท 100 ครัวเรือนมีตู้เย็นใช้เพียง 22 ครัวเรือน เมื่อเทียบกับครัวเรือนในเมืองที่มีตู้เย็นใช้ในสัดส่วน 92 : 100 ครัวเรือน
โครงการนำร่องที่จะสิ้นสุดสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ให้โอกาสชาวชนบท ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐาน พร้อมได้รับการคืนภาษี ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในอำเภอจางฉิว มณฑลซันตงเผยว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการสามารถขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในข่ายคืนภาษีได้ถึง 120 ชิ้นต่อสัปดาห์
หยวนซั่นชุน ชาวนารายแรกที่ซื้อของในโครงการเผยว่า “ก่อนหน้านี้ เราได้แต่ซื้อของไร้ยี่ห้อ ไร้คุณภาพ เพราะเราไม่มีเงิน ตอนนี้เราได้ของมียี่ห้อพร้อมการรับประกัน”
รัฐบาลระบุว่า อาจขยายการคืนภาษีไปยังสิ้นค้าชนิดอื่นๆด้วย อาทิเครื่องซักผ้า หากโครงการนำร่องประสบความสำเร็จ ก็จะขยายนำไปใช้ในมณฑลอื่น นอกจาก ซันตง, เหอหนัน และซื่อชวน (เสฉวน)