ธ.กลางจีนสั่งเพิ่มเงินสำรองแบงก์ฯสกัดสินเชื่อโต

รอยเตอร์ / ไชน่านิวส์ – แบงก์ชาติจีนประเดิมสั่งปรับขึ้นอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ขึ้นอีกครั้ง เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยสินเชื่อ และสภาพคล่องของจีนไม่ให้เติบโตเร็วจนเกินไป ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมาในไตรมาสแรก

ในช่วงเย็นวันพุธ (16 ม.ค.) ธนาคารกลางแห่งชาติจีน (พีบีโอซี) ได้ประกาศให้มีการปรับขึ้นอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ที่ต้องสำรองไว้ตามกฎหมายอีก 0.5% เป็น 15% และมีผลบังคับในวันที่ 25 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งการประกาศครั้งนี้ได้ทำให้จีนมีอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์สูงที่สุดในรอบ 22 ปี

โดยเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางแห่งชาติจีนได้เปิดเผยเหตุผลการประกาศในครั้งนี้ว่า เพื่อผลักดันนโยบายการควบคุมการเงินอย่างเข้มงวด และเป็นการเดินหน้าการบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบธนาคาร เพื่อควบคุมไม่ให้อัตราการปล่อยสินเชื่อเติบโตเร็วเกินไป จนกลายเป็นปัญหาเงินเฟ้อของจีน

นายวังเทา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยนโยบายและเศรษฐกิจของแบงก์ ออฟ อเมริกา (บีโอเอ) ประจำประเทศจีนได้ระบุว่า “การที่ทุนสำรองเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กับการที่มีเงินทุนไหลเวียนในปริมาณสูงในตลาดทำให้ปัญหาด้านเงินเฟ้อสาหัสยิ่งขึ้น จนธนาคารกลางจำเป็นต้องใช้เครื่องมีที่มีอยู่ในการเข้าสกัดกั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ”

นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังได้มองว่า ในไตรมาสแรกนี้ ธนาคารอาจจะใช้มาตรการปรับดอกเบี้ยตามมาอีกระลอก แต่จะปรับในปริมาณที่ไม่มากนัก ซึ่งในปีนี้อาจจะมีการปรับเงินสำรองธนาคารพาณิชย์อีกหลายครั้ง ทว่าจะไม่ถี่เท่าในปี 2007 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยการเลือกใช้มาตรการต่างๆเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในตลาด อัตราการเติบโตของสินเชื่อ

ผลจากการประกาศปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ได้ทำให้ตลาดหุ้นในวันถัดมา (17 ม.ค.) มีแรงเทขายอย่างหนัก จนดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ร่วงกราวรูด 146.22 จุด มาอยู่ที่ 5,406.24 หรือคิดเป็น 2.63% ในขณะที่ตลาดเซินเจิ้นร่วงลง 2.42%

ทั้งนี้ ในปี 2007 แบงก์ชาติจีนได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้น 6 ครั้ง และมีการปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ 10 ครั้ง