แม้จะมีข่าวว่า เมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ยังไม่มีท่าที่จะส่งสัญญาณเชื้อเชิญ จิลล์ ไบเดน ภรรยาของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ไปเยือนทำเนียบขาว ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อนจะเชิญว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ไปเยี่ยมเยือน จิบน้ำชา และพาทัวร์สถานที่ เป็นนัยว่าเธอยังไม่ยอมรับในผลการเลือกตั้งที่ออกมา และยังหวังว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เป็นสามีจะได้ครองตำแหน่งอีกสมัย
แต่ด้วยตัวเลขทั้งเสียงป็อปปูลาร์โหวตและผลเลือกตั้งคณะผู้แทน อิเล็กโทรัล โหวต ที่โจ ไบเดน นั้นนำโดนัลด์ ทรัมป์ แบบทิ้งห่างและน่าจะไล่ตามแซงได้ยากแบบนี้แล้ว ตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่งคงจะไม่หลุดมือ จิลล์ ไบเดน เป็นแน่ วันนี้ Celeb Online เลยจะพาคุณไปรู้จักผู้หญิงคนนี้กันแบบละเอียด และพาคุณย้อนวันหวานไปชมภาพสมัยสาวๆ ของภริยาว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ กันสิว่าจะสวย หวาน ขนาดไหน
“จิลล์ ไบเดน” หรือชื่อเต็มคือ จิลล์ เทรซี จาคอบส์ ไบเดน สตรีวัย 69 ปีคนนี้ มีเชื้อสายอิตาลี โดยคุณตาของเธอเดินทางอพยพจากกาะซิลิลีมาสร้างชีวิตใหม่ที่สหรัฐอเมริกา โดยเธอเติบโตที่เมืองฟิลาเดลเฟีย จบปริญญาตรีทางด้านภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเดอลาแวร์ ปริญญาโท 2 ใบด้านการศึกษา จากมหาวิทยาลัยเวสต์ เชสเตอร์ และด้านภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา และปริญญาเอกด้านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ เมื่อปี 2550 คว้าคำนำหน้าดอกเตอร์มาในขณะที่เธออายุ 55 ปี
ดร.จิลล์ อยู่ในแวดวงการศึกษามานานกว่า 40 ปี ตั้งแต่ระดับโรงเรียนมัธยมไปจนถึงวิทยาลัยชุมชน ซึ่งตั้งแต่ปี 2552 ได้สอนภาษาอังกฤษที่นอร์ทเทิร์น เวอร์จิเนีย คอมมูนิตี คอลเลจ และยังคงยืนยันว่าถึงแม้จะก้าวขึ้นตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแล้วก็จะยังคงทำอาชีพครูและทำการสอนซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรักต่อไป ซึ่งจะทำให้เธอสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ของสตรีหมายเลขหนึ่ง ด้วยการเป็นสตรีคนแรกที่เป็นเวิร์กกิ้งวูแมน หรือเป็นคู่ชีวิตของประธานาธิบดีที่มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้เป็นเพียงภรรยาฟูลไทม์ ช่วยงานสามี หรือทำงานองค์กรการกุศลต่างๆ เท่านั้น
นอกจากทำการสอนแล้ว ดร.จิลล์ ยังได้เขียนหนังสือสำหรับเด็ก “Don't Forget, God Bless Our Troops เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวทหาร ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรงจากหลานสาวของเธอเอง และด้วยความที่ผูกพันกับอาชีพทหารผ่านทางลูกชายของเธอ ทำให้จิลล์ให้ความสนใจกับสายอาชีพนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งในขณะที่สตรีหมายเลขสองของอเมริกา ตอนที่ โจ ไบเดน นั่งแท่นรองประธานาธิบดี สมัยบารัค โอบามา เธอได้ทำงานด้านการกุศลที่เกี่ยวกับครอบครัวทหารหลายโครงการ ทั้งช่วยเรียกร้องสิทธิ ทั้งช่วยทหารผ่านศึกและครอบครัว ทั้งเรื่องช่องทางการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ ฯลฯ
สำหรับเรื่องชีวิตส่วนตัว การแต่งงานกับ โจ ไบเดน เมื่อปี 2520 นับเป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 ของทั้งคู่ โดยสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยวัยเพียง 19 ปี จิลล์เคยเข้าพิธีแต่งงานกับ บิลล์ สตีเวนสัน อดีตนักอเมริกันฟุตบอลระดับทีมมหาวิทยาลัย ที่หันมาเปิดผับบาร์ในย่านมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ที่ชื่อ Stone Ballon ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและเป็นเวทีสร้างชื่อนักดนตรีโฟล์กดังๆ หลายต่อหลายคน ความรักครั้งนี้ของเธอยืนยาวอยู่เพียง 4 ปีก่อนจะตัดสินใจแยกทางกันในปี 2518
จิลล์ พบรักกับ โจ ไบเดน ผ่านการนัดบอดที่แนะนำโดย แฟรงก์ น้องชายของโจ ที่เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยโจเป็นพ่อม่ายลูกติด ที่มีลูกชายวัยซนถึง 2 คน เขาเสียภรรยาคนแรกและลูกสาวคนสุดท้องไปในอุบัติเหตุรถยนต์ไปเมื่อ 3 ปีก่อน ทั้งคู่ประทับใจกันและกันตั้งแต่นัดเดตแรก แต่กว่าจะได้จูงมือเข้าประตูวิวาห์ก็ต้องรออีกถึง 2 ปี แม้โจจะพยายามขอแต่งงานอยู่หลายรอบ แต่เธอก็ปฏิเสธอยู่นานโดยจิลล์ให้เหตุผลว่า เธออยากมั่นใจว่าจะสามารถเป็นแม่ของ โบ และ ฮันเตอร์ ลูกชายทั้ง 2 คนของโจได้ และความรักครั้งนี้ของเธอจะไปรอด เพราะเธอไม่อยากให้เด็กๆ ที่ผ่านการสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดมาแล้วต้องรู้สึกสูญเสียแม่ไปอีกเป็นครั้งที่สอง
หลังจากแต่งงาน จิลล์ ให้กำเนิดบุตรสาว แอชลีย์ มาช่วยเติมเต็มครอบครัวไบเดน และทั้ง 5 คน ถือได้ว่าเป็นครอบครัวและรักใคร่กลมเกลียวกันมาก ซึ่ง โบ และ ฮันเตอร์ ก็ให้การปฏิบัติกับเธอราวกับว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ เลยทีเดียว