นับถอยหลังการประกาศมอบรางวัลดาวมิชลินในไทย มาเกาะกระแสร้านอร่อย ด้วยการดูยอดรายได้ของ เชฟดังทั่วโลก กันดีกว่า ว่าตอนนี้บรรดาเชฟคนดังๆ ล่าสุดนี้ ใครมีเงินเข้ากระเป๋ามากกว่ากัน
อันดับ 10 เดวิด จาง
รายได้ : $60 ล้าน
เชฟชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี เจ้าของกลุ่มร้านอาหารโมโม่ฟุกุ ที่มีทั้งร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง ร้านบะหมี่ ร้านเบอร์เกอร์ ร้านนม ฯลฯ ทั้งในนิวยอร์ก ลาสเวกัส โทรอนโต และซิดนีย์ เชฟเดวิด จาง คว้ารางวัลมากมายในการเป็นเชฟ รวมทั้ง มิชลิน 2 ดาวในปี 2009 สำหรับร้านโมโม่ฟุกุ โก ในนิวยอร์ก
อันดับ 9 บ็อบบี เฟลย์
รายได้ : $60 ล้าน
เชฟสเต๊กชื่อดัง เจ้าของร้านอาหารหลายแห่ง อย่างร้านเมซากริลล์ในลาสเวกัส บ็อบบี เฟลย์ เบอร์เกอร์ ในแอตแลนติกซิตี้ รวมทั้ง บ็อบบี เฟลย์ เบอร์เกอร์ 11 แห่งใน 9 รัฐของอเมริกา และเพิ่งเปิดร้านใหม่ล่าสุด ชาร์ก ในลาสเวกัส เชฟ บ็อบบี เฟลย์ ยังโด่งดังกับรายการเดอะ เกรท เชฟ ทางช่องฟูดเน็ตเวิร์ก และยังมีหนังสือคุ้กบุ๊กออกมาแล้วถึง 13 เล่ม
อันดับ 8 เอมเมอริล ลากาสส์
รายได้ : $70 ล้าน
เชฟเอมเมอริล ลากาสส์ เป็นเจ้าของร้านอาหาร 13 แห่งใน 4 เมืองของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังรับผิดชอบจัดทำเมนูบนสถานีอวกาศในโครงการยกระดับอาหารสำหรับนักบินอวกาศอีกด้วย เชฟเอมเมอริลมีรายการอาหารหลายรายการ หนึ่งในนั้นคือรายการแนวท่องเที่ยว อีต เดอะ เวิลด์ วิท เอมเมอริล ลากาสส์
อันดับ 7 เรเชล เรย์
รายได้ : $80 ล้าน
เชฟหญิงที่โด่งดังจากรายการทีวี แม้ไม่เคยมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่เชฟเรเชล เรย์ ขายอาหารผ่านการดีลิเวอรีกับอูเบอร์อีทส์ ซึ่งเธอมีศักยภาพในการส่งได้ถึง 13 เมืองในอเมริกาเลยทีเดียว เมนูในคุ้กบุ๊กของเธอส่วนใหญ่เป็นเมนูทำเร็วๆ ง่ายๆ เสร็จได้ใน 30 นาที
อันดับ 6 โวล์ฟกัง พัค
รายได้ : $90 ล้าน
เชฟชื่อดังระดับโลกอย่างเชฟโวล์ฟกัง พัค ที่สร้างชื่อตั้งแต่วัย 24 กับร้านสปาโกของเขาในลอสแองเจลิส ราวปี 1982 จนกระทั่งตอนนี้มีร้านอาหารมากมายหลายแห่งทั่วโลก เชฟโวล์ฟกังรับผิดชอบเมนูอาหารในงานประกาศผลรางวัลออสการ์มากว่า 25 ปี จนกระทั่งมีชื่ออยู่ในฮอลลีวูด วอล์ก ออฟ เฟม กับเขาด้วยแม้ไม่ได้เป็นดาราฮอลลีวูด
อันดับ 5 โทมัส เคลเลอร์
รายได้ : $130 ล้าน
ได้รับรางวัลในอาชีพมากมาย รวมทั้งรางวัลเชฟยอดเยี่ยมแห่งแคลิฟอร์เนีย ปี 1996 รวมทั้งเชฟยอดเยี่ยมของอเมริกา ปี 1997 เชฟโทมัส เคลเลอร์ ยังเป็นเจ้าของร้านอาหาร 3 ดาวมิชลิน เดอะ เฟรนช์ ลอนดรี ในเนปา วัลลีย์ ที่ยังได้รางวัลสุดยอดร้านอาหารของโลกในปี 2003 และ 2004 และได้รางวัลสุดยอดร้านอาหารของอเมริกา 4 ปีซ้อน
อันดับ 4 โนบุ มัตสึฮิซะ
รายได้ : $200 ล้าน
เชฟดังชาวญี่ปุ่น-เปรู เจ้าของร้านอาหารชื่อเดียวกับตัวเองมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก ซึ่งหลังจากได้เจอกับโรเบิร์ต เดอนีโร ที่ร้านแรกของเขาในนิวยอร์ก ทั้งคู่ก็หุ้นกันเปิดโรงแรมที่มีภัตตาคารโนบุเป็นซิกเนเจอร์หลายแห่ง รวมทั้งสาขาล่าสุดที่เตลอาวีฟ และโทรอนโต ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสม เชฟโนบุเรียกได้ว่าเป็นทูตของอาหารญี่ปุ่นไปโดยปริยาย รวมถึงการแสดงเป็นเชฟในหนังดังอย่าง Goldmember, Memoirs of a Geisha และซีรีส์ Nobu’s Japan
อันดับ 3 กอร์ดอน แรมเซย์
รายได้ : $220 ล้าน
เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ เจ้าของ 7 มิชลินสตาร์ โดยเฉพาะร้าน กอร์ดอน แรมเซย์ ในย่านเชลซี กรุงลอนดอนนั้น คงมาตรฐานมิชลิน 3 ดาวมาได้อย่างยาวนานถึง 18 ปี ผู้คนรู้จักเชฟกอร์ดอน แรมเซย์ มากที่สุดจากรายการแข่งทำอาหาร ทั้งมาสเตอร์เชฟ อเมริกา เฮลส์ คิตเช่น และคิตเช่น ไนท์แมร์ส แม้ว่าภัตตาคารในฮ่องกงจะต้องปิดตัวลง แต่เขายังมีเหลืออีกกว่า 50 แห่งทั่วโลก
อันดับ 2 เจมี โอลิเวอร์
รายได้ : $300 ล้าน
เชฟอังกฤษชื่อดังอีกคน ที่แม้ว่าสถานการณ์ของโรค Covid-19 จะทำให้กลุ่มร้านอาหารเจมีส์ อิตาเลียนของเขาย่ำแย่มากๆ แต่เชฟเจมี โอลิเวอร์ ยังคงมีรายได้มาเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยหนังสือคุ้กบุ๊กของเขาสร้างยอดขายได้กว่า 15 ล้านเล่ม ติดอันดับหนังสือขายดีอันดับ 2 รองจาก เจ.เค. โรว์ลิ่ง นอกจากนี้เขายังมีรายการทีวี อย่างเนคเคด เชฟ และเจมีส์ สกูล ดินเนอร์ ฯลฯ
อันดับ 1 อลัน หว่อง
รายได้ : $1,100 ล้าน
และเชฟที่รวยชนะเลิศก็คือ เชฟอลัน หว่อง เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อแห่งครัวฮาวายสมัยใหม่” เขาเป็น 1 ใน 12 เชฟ ที่ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มเชฟท้องถิ่นฮาวายขึ้นมา เพื่อที่จะอนุรักษ์เมนูดั้งเดิม และโปรโมตการปรุงอาหารที่อาศัยวัตถุดิบประจำถิ่นหมู่เกาะแปซิฟิก เชฟอลัน หว่อง ได้รับรางวัลมากมาย หลังเปิดร้านโออาฮู ของเขาครั้งแรกในทศวรรษที่ 1980 ทั้งรางวัลเชฟแห่งปีของเดอะ เจมส์ เบียร์ด ปี 1996 และรางวัลเดียวกันจากนิตยสารซองเต้ ในปี 2001 และเขายังเคยได้เสิร์ฟอาหารให้กับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามามาแล้ว