ขณะที่หลายๆ ธุรกิจต้องฝ่าฟันวิกฤต Covid-19 ไปด้วยการพึ่งพิงแพลตฟอร์มออนไลน์ แล้วธุรกิจอย่างเรื่องการบิน การจัดอีเวนต์ โรงแรม และร้านอาหาร ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเอาแพลตฟอร์มดิจิทัลมาเป็นด่านหน้า พวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อที่ผ่านพ้นไปได้
เดอะ โล แอนด์ บีโฮลด์ กรุ๊ป สิงคโปร์ ที่มีธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่งหลากคอนเซ็ปต์ พร้อมพนักงานกว่า 300 คน ไม่ว่าจะเป็นร้านเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินพิซซ่า ตันจงบีชคลับ โรงแรมเดอะแวร์เฮาส์ ฯลฯ ที่ เวินวีเติง ผู้ก่อตั้ง หุ้นส่วนใหญ่ และซีอีโอ เดอะ โล แอนด์ บีโฮลด์ กรุ๊ป บอกว่า ยากจะจินตนาการถึงดิจิทัลแพลตฟอร์ม “หลัง Covid-19 นี่เหมือนเรากลับไปที่จุดเริ่มทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง”
โรคระบาดเป็นบทเรียนราคาแพง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องผ่านไปให้ได้ “การตัดสินใจที่รวดเร็วคือสิ่งที่สำคัญ อะไรที่จะเป็นช่องทางที่เราจะฟื้นได้ไวที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะดำน้ำไปเรื่อยๆ ให้เจอทางออกเอง แต่ต้องวางแผนให้ชัดเจนเพื่อเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด”
ซีอีโอหนุ่มหล่อของเดอะ โล แอนด์ บีโฮลด์ กรุ๊ป บอกด้วยว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึง ไม่ได้มีเพียงลูกค้าเท่านั้น แต่ยังมีพนักงานที่เป็นตัวจักรสำคัญในการจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินไปข้างหน้า
“เรามีการพูดถึงกองทุนที่จะช่วยให้พนักงานของพวกเราทุกๆ คนไปรอดด้วยกัน เราจะสามารถดึงเอาเงินล่วงหน้ารายปีมาสนับสนุนพนักงานไปก่อนได้มั้ย หรือจะมีช่องทางอื่นที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบมาก ในฐานะของซีอีโอ ผมต้องตัดสินใจให้เร็ว
พร้อมๆ กับการระดมทุน แผนกการตลาดและเอชอาร์ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มสูบขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นงานหาช่องทางเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ หรือหาคู่ค้าเพิ่ม เพื่อที่จะก้าวผ่านวิกฤตไปได้อย่างมั่นคงร่วมกัน”
ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่เวินวีเติงก็เชื่อว่า สำหรับชาวสิงคโปร์แล้ว อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“การต้องตัดขาดจากชานมไข่มุกอาจจะพอทำใจได้ แต่การตัดขาดจากอาหารอร่อยๆ นั้น สำหรับชาวสิงคโปร์มันแย่ยิ่งกว่าการเข้าห้องน้ำแล้วไม่มีทิชชูเสียอีก
แม้ว่าร้านอาหารตอนนี้ยังพึ่งพิงรูปแบบการดีลิเวอรีอยู่เป็นส่วนใหญ่ แต่คนก็ยังคงโหยหาประสบการณ์ บรรยากาศ และการบริการแบบไฟน์ไดนิ่ง ระหว่างที่การมารับประทานที่ร้านยังเป็นข้อจำกัด การไปให้บริการเหนือระดับในแบบดีลิเวอรี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้ อย่างร้านอาหารระดับ 5 ดาวของเรา ก็ปรับเปลี่ยนมาอาศัยรูปแบบดีลิเวอรี่ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีมาก”
แม้มีบริษัทและพนักงานนับร้อยคนให้ดูแล แต่ซีอีโอหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสู่สังคม ในช่วงพีกๆ ของโรคระบาด เขาจัดการแปลงโฉมร้านอาหารเดอะ สเตรท แคลน คิตเช่น ให้กลายเป็นครัวจิตอาสา คอยส่งอาหารวันละ 450 จานให้แก่ทีมแพทย์และพยาบาลต่อเนื่องกันถึง 34 วัน
“มันเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ที่ทุกๆ คนเผชิญเหมือนๆ กัน ทั้งตัวคุณ พนักงานของคุณ แล้วก็ลูกค้าของคุณด้วย แต่อย่าลืมว่า บนท้องฟ้ายังมีดาวเหนือที่คอยส่องนำทาง เพราะฉะนั้น ผมอยากบอกทุกคนว่า สู้ต่อไป อย่าได้ท้อ ทุกคนจะต้องผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกันแน่ๆ ครับ” เวินวีเติงทิ้งท้าย