เอเอฟพี - ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกในวันพุธ (29 ม.ค.) เรียกประชุมฉุกเฉินรอบใหม่ของคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีต้นตอในจีน เข้าองค์ประกอบของสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้วหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆ จนหลายประเทศต้องส่งเครื่องบินไปพาตัวพลเมืองออกมาและอีกหลายชาติอยู่ระหว่างเตรียมการ ขณะที่มีสายการบินเพิ่มขึ้นที่ทั้งระงับหรือลดเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ประเทศจีน
เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเดินทางเยือนจีนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์และมีโอกาสเข้าพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน บอกว่าการประชุมฉุกเฉินมีความจำเป็น สืบเนื่องจากพบเคสต่างๆ ที่มีการติดเชื้อไวรัสนอกประเทศจีนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผมตัดสินใจเรียกประชุมคณะกรรมการเหตุฉุกเฉินกฎอนามัยระหว่างประเทศในเรื่องข่าวคราว #โคโรนาไวรัส (2019-nCoV) วันพรุ่งนี้” เทดรอสเขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมระบุว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสมักแสดงอาการเพียงเล็กน้อย แต่ราว 1 ใน 5 ล้มป่วยรุนแรง ในนั้นรวมถึงเป็นปอดบวมและภาวะการหายใจล้มเหลว
นับตั้งแต่ปรากฏตัวในเมืองอู่ฮั่นและพบผู้ป่วยกลุ่มแรกครั้งแรกในวันที่ 31 ธันวาคม ไวรัสชนิดนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 132 ศพ และแพร่กระจายไปหลายสิบประเทศทั่วโลก ด้วยเยอรมนีและญี่ปุ่นต่างรายงานพบเคสการติดต่อจากคนสู่คนของโคโรนาไวรัสในประเทศของพวกเขา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกได้ประชุมกันนาน 2 วัน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ประกาศให้มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยบอกว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่มากกว่านี้
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศสงวนไว้เฉพาะโรคระบาดเลวร้ายและที่ผ่านมาเพิ่งมีการใช้เพียงแค่ 5 ครั้ง ในนั้นรวมถึงอีโบลาและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
“โลกกำลังร่วมมือกันเพื่อยุติการแพร่ระบาด เสริมสร้างบทเรียนจากการแพร่ระบาดในอดีต” เทดรอสกล่าว “จีนต้องการแรงสนับสนุนและความเป็นหนึ่งเดียวกันของโลก” เขากล่าว
นอกจากนี้ เทดรอสบอกว่า องค์การอนามัยโลกรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่รายงานพลาดถึง 3 ครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอ้างว่าความเสี่ยงระดับโลกของการแพร่ระบาดอยู่ในระดับ “ปานกลาง” แทนที่จะเป็น “ระดับสูง”
ด้าน ไมเคล ไรอัน ผู้อำนวยบริหารโครงการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องรัฐบาลชาติต่างๆ ทั่วโลก ในนั้นรวมถึงประเทศที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ให้ตื่นตัวและดำเนินการต่างๆ เพื่อป้องกันการแผ่ลามของไวรัสมรณะชนิดนี้ “ตอนนี้ทั้งโลกจำเป็นต้องตื่นตัว ทั่วโลกจำเป็นต้องลงมือ”
เสียงเรียกร้องขององค์การอนามัยโลกมีขึ้นในขณะที่ประเทศต่างๆพยายามนำพลเมืองออกจากอู่ฮั่น โดยหวังว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้ไวรัสตามไปแพร่เชื้อในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้แก่อังกฤษ
รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยในวันพุธ (29 ม.ค.) ว่ากำลังเตรียมพาตัวพลเมืองราวๆ 200 คนที่ติดค้างอยู่ในเมืองอู่ฮั่นออกมาและกักกันโรคพวกเขา โดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำจะออกเดินทางจากอู่ฮั่นในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) แต่ไม่ได้ยืนยันว่ามันจะลงจอดที่ไหนในสหราชอาณาจักร
“เราคาดหมายว่าจะมีพลเมืองอังกฤษราว 200 คนอยู่บนเครื่อง เที่ยวบินนี้สามารถรองรับได้ทุกคน” โฆษกของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน บอกกับผู้สื่อข่าว “พวกผู้โดยสารที่เข้ามาถูกกักกันอย่างปลอดภัยเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พร้อมด้วยการดูแลทางการแพทย์ทุกอย่างที่จำเป็น”
ขณะเดียวกัน สายการบินหลายแห่งเริ่มลดเที่ยวบินหรือระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่แดนมังกร ในนั้นประกอบด้วย แอร์ฟรานซ์, แอร์เคบีแซด, อเมริกัน แอร์ไลน์ส, บริติช แอร์เวย์ส, คาเธ่ย์ แปซิฟิค, ฟินน์แอร์, ไลออนแอร์, ลุฟท์ฮันซ่า, เมียนมาร์ แอร์เวย์ส, อินเตอร์เนชันแนล เมียนมาร์ แอร์ไลน์ส, สกายอัพ แอร์ไลน์ส, ยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และ อูรัลส์ แอร์ไลน์ส
อย่างไรก็ตาม ยังมีสายการบินบางส่วนที่บอกว่า ณ เวลานี้พวกเขายังไม่ปรับแผนปฏิบัติการต่างๆ ในจีน ในนั้นรวมถึงเอสเอเอสและเวอร์จิน แอตแลนติก