เมื่อนาฬิกาไม่เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่จะส่งเสริมให้บุคลิกภาพของคุณดีขึ้น หลายๆ คนจึงมองหานาฬิกาที่เหมาะกับตัวเองในแต่ละไลฟ์สไตล์ วันนี้จึงมีนาฬิกา 3 รุ่นมาให้เลือกดูว่า รุ่นไหนเหมาะสมกับใคร ลองเลือกกันได้เลย
Mido Ocean Star GMT เติมเต็มไลฟ์สไตล์หนุ่มนักเดินทาง
มิโด (Mido) เพิ่มทางเลือกใหม่ให้หนุ่มนักเดินทางในคอลเลกชัน Ocean Star ด้วยการติดตั้งฟังก์ชันที่มีประโยชน์อย่างมากในการเดินทาง อย่าง GMT มองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างกันของ 2 เขตเวลา นั่นคือ เวลาของเมืองที่คุณเดินทางจากมา (Home Time) และเวลาของเมืองที่คุณเดินทางมาถึง (Local Time) ด้วยการผสมผสานระหว่างหน้าปัดสีดำที่มีโทนสีและลวดลายที่ดูนุ่มละมุนเหมือนกำมะหยี่กับขอบตัวเรือนสีน้ำเงินเงาแวววาวที่ผลิตจากเซรามิก พร้อมกลไก Caliber80 สำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง สลักตัวบ่งบอกเขตเวลาลงบนฝาหลัง กันน้ำได้สูงสุด 20 บาร์ และมาพร้อมกับกระจก Sapphire ที่มีการเคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้งด้านในและด้านนอก สายมากับเส้นสีฟ้าที่สอดรับกับสีของเข็ม GMT ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้สวมใส่ และยังมีทางเลือกอีกรุ่นกับสายสตีลพร้อมกับเข็ม GMT สีส้ม กับตัวเรือนสตีลแบบทูโทน และเคลือบ PVD สี Rose Gold
Rado True Thinline Anima จิตวิญญาณและเวลา
(ราโด) Rado สร้างสรรค์คอลเลกชัน True Thinline Anima ลิมิเต็ด อีดิชันรุ่นใหม่ ซึ่งผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอก มีนํ้าหนักเบาและทนทานต่อการขีดข่วน โปร่งใสและซับซ้อน บางเป็นพิเศษและทำงานเชิงกลไก True Thinline Anima มอบรูปลักษณ์ใหม่ให้กับแนวคิดและจิตวิญญาณในยุคปัจจุบัน ผลิตเพียง 2,020 เรือน ฐานตัวเครื่องและแผ่นครอบเฟืองของกลไกการเดินอัตโนมัตินั้นทำจากอะลูมิเนียมอะโนไดซ์สีดำ ซึ่งช่วยให้นาฬิกามีนํ้าหนักเบามากยิ่งขึ้น หน้าต่างวันที่จะอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยมีจานปฏิทินที่เผยให้เห็นกลไกภายในอย่างแยบยล สำรองพลังงานได้นานถึง 64 ชั่วโมง กลไกการเดินทำจากอะลูมิเนียมพร้อมฐานตัวเครื่องสีดำและลูกเหวี่ยง DLC สีดำ ด้านหลังตัวเรือนเป็นไทเทเนียมพร้อมกับคริสตัลแซปไฟร์ เม็ดมะยมทำจากไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอกด้าน คริสตัลแซปไฟร์แบบสี่เหลี่ยมที่มีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน สายนาฬิกาไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอกด้าน
OMEGA 321-powered Moonwatch ฉลองครบรอบการเยือนดวงจันทร์
ในเดือนกรกฎาคมเมื่อ 51 ปีที่แล้ว นักบินอวกาศของภารกิจ Apollo 11 ได้ประทับรอยเท้าลงบนดวงจันทร์เป็นกลุ่มแรก ซึ่งนาฬิกาที่พวกเขาได้ใส่ขึ้นไปสำหรับภารกิจนี้คือ นาฬิกา OMEGA รุ่น Speedmaster ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นรุ่นไอคอนิก คือกลไก Calibre 321 โครงสร้างกลไกที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานที่เกิดขึ้นในวันนั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังกลับมาในทุกๆ ครั้งของประวัติศาสตร์ในการลงจอดของดวงจันทร์
ปีนี้โอเมก้า (OMEGA) ได้เลือกนำกลไก Calibre 321 เจเนอเรชันที่ 2 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงเรือนเวลาพิเศษ Speedmaster Moonwatch 321 ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ในช่วงระหว่างข่าวที่น่าตื่นเต้นได้ออกมาในช่วงต้นปี 2020 OMEGA ภูมิใจที่จะประกาศว่านาฬิกาเรือนนี้พร้อมที่จะสวมใส่บนโลกแล้ว ตัวเรือนขนาด 39.70 มม ได้ถูกสรรค์สร้างด้วยสเตนเลสสตีลและได้รับอิทธิพลจากเรือนเวลาต่างๆ ของ Speedmaster ที่เกี่ยวกับอวกาศมาอย่างยาวนาน โดยสไตล์ของเจเนอเรชันที่ 3 ได้ถูกสวมใส่ในช่วงการขึ้นไปเดินบนอวกาศครั้งแรกของนักบินอวกาศชาวอเมริกันในช่วงปี 1965 ซึ่งการออกแบบได้รวมถึงขอบตัวเรือนเซรามิก [ZrO2] สีดำขัดเงาที่มาพร้อมกับสเกลทาคีมิเตอร์จากอีนาเมลสีขาวเช่นเดียวกับ รายละเอียดไอคอนิกที่เพิ่มขึ้นมาอย่าง “จุดเหนือหลักเลข 90” (Dot over Ninety) และหน้าปัดระดับสีดำสุดสง่าที่เราคุ้นเคยกับ Moonwatch ผสมผสานกับตราสัญลักษณ์ OMEGA แบบวินเทจ พร้อมเทคโนโลยี “โทโมกราฟี” tomography (เทคโนโลยีดิจิทัลสแกน) มาใช้เพื่อตรวจดูภายในนาฬิกา OMEGA Speedmaster เรือนจริงที่ Eugene “Gene” Cernan มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้เหยียบพื้นผิวของดวงจันทร์เคยสวมใส่ ขณะที่เขาอยู่บนดวงจันทร์ระหว่างภารกิจ Apollo 17 เมื่อปี 1972