xs
xsm
sm
md
lg

ปิดเทอมนานแค่ไหนก็ไม่เหงา! กับไอเดียจัดกิจกรรมให้ลูกช่วงอยู่บ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถึงปิดเทอมครั้งนี้จะกินเวลายาวนานกว่าปีไหนๆ แถมเด็กๆ ยังไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้เหมือนเดิม แต่โลกแห่งการเรียนรู้ของเด็กก็ไม่หยุดนิ่ง เพราะต่อให้ไม่ได้ไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถจัดตารางกิจกรรมในแต่ละวันเพื่อให้ลูกใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากที่บ้านได้เช่นกัน สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เนสท์เล่ มีไอเดียในการสร้างสรรค์กิจกรรมสนุกๆ ตามหลักคนไทยแข็งแรง ด้วย 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆ มาฝาก รับรองว่าปิดเทอมครั้งนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าจดจำของทุกครอบครัว


08.00 น. สตาร์ทวันใหม่ด้วยมื้อเช้าแสนอร่อยแถมประโยชน์ล้น ใครจะคิดว่า เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเวลาตื่นนอนก็สามารถสร้างวินัยให้ลูกได้เช่นกัน ช่วงปิดเทอมที่ยาวกว่าปกตินี้ แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะใจดีให้ลูกนอนตื่นสาย ลองเปลี่ยนมาตั้งนาฬิกาชีวิตให้ลูกๆ ตื่นเป็นเวลา โดยหลังจากตื่นนอน อาจเพิ่มความรับผิดชอบให้ลูกด้วยการให้เก็บที่นอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนลงมากินมื้อเช้า กับ อ.อาหาร ซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อเติมพลังงานให้พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมและการเรียนรู้ตลอดวัน ด้วยอาหารที่มีโภชนาการครบ 5 หมู่ เช่น โปรตีนจากปลา ไข่ นม และคาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้อง ธัญพืชขัดสีน้อย ขนมปังโฮลวีต หรือ ซีเรียลโฮลเกรนที่ไม่ผ่านการขัดสี เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับเด็กวัยเรียน อุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ มากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสี


10.00 น. เติมอาหารสมอง ผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ เติมพลังด้วยอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเติมอาหารสมอง คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เวลาทองช่วงเช้าที่สมองลูกยังปลอดโปร่ง จัดสรรให้เป็นชั่วโมงแห่งการเรียนรู้ ด้วยการหาการ์ตูนสอนภาษา หรือคอร์สเรียนออนไลน์สนุกๆ ให้ลูกเติมความรู้ ถือเป็นการอุ่นเครื่อง หากในอนาคตต้องมีการเรียนออนไลน์ เด็กๆ จะได้คุ้นเคย และถือเป็นการทบทวนบทเรียนและเพิ่มทักษะใหม่ๆ ก่อนเปิดเทอมไปในตัว


11.30 น. เข้าครัว ทำมื้อเที่ยง เรียนรู้เรื่องโภชนาการ แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะใช้เวลาที่เด็กๆ กำลังท่องโลกแห่งการเรียนรู้ ไปเตรียมอาหารมื้อกลางวัน อาจลองเปลี่ยนบรรยากาศให้เด็กๆ มาสวมบทเชฟตัวจิ๋วเข้าครัว เป็นลูกมือช่วยเตรียมวัตถุดิบหรือเตรียมจานชาม เพื่อฝึกหยิบจับสิ่งรอบตัว และได้เรียนรู้วิชาชั่ง ตวง วัด จากประสบการณ์จริง พร้อมฝึกนิสัยรักความสะอาด ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังทำอาหาร รับรองว่าหลังจากเตรียมอาหารมื้อนี้เสร็จ นอกจากจะฟินที่ได้เห็นฝีมือของตัวเองยังรู้สึกเจริญอาหารขึ้นเป็นกอง เพราะภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารมื้อนี้ด้วยตัวเอง


13.00 น. เสริมสร้างทักษะสร้างสรรค์ บ่ายนี้จะไม่เหงาและชวนง่วงอีกต่อไป หากคุณพ่อคุณแม่จัดหากิจกรรมที่เด็กๆ ชอบหรือสนใจมาช่วยเสริมทักษะและความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป เล่นดนตรี พับ/ตัดกระดาษ ทำของเล่น DIY จากของเหลือใช้ ไปจนถึงการต่อเลโก้ หรือบอร์ดเกม เพราะกิจกรรมเหล่านี้ล้วนแต่ช่วยพัฒนาทั้งความคิด สมอง และจินตนาการให้เด็กๆ เพลิดเพลิน ไม่รู้เบื่อ


15.00 น. เบรกมื้อว่าง ชั่วโมงแห่งการเล่นอย่างอิสระ ได้เวลาเติมพลังกันอีกรอบ ด้วยอาหารว่างที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันอย่างแซนด์วิชทูน่า นมที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ถั่ว หรือผลไม้สด เช่น ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร เป็นต้น หลังจากเติมพลังช่วงบ่าย คุณพ่อคุณแม่อาจให้เด็กๆ ผ่อนคลาย มีเวลาเล่นอิสระในแบบที่ชอบ สนุกได้เต็มที่แบบที่ต้องการ


16.00 น. ชวนกันมา Fit & Fun แดดร่มลมเย็นแล้ว มาต่อด้วยกิจกรรมที่เด็กๆ หลายคนต้องชื่นชอบกับ อ. ออกกำลังกาย การยืดเส้นยืดสาย โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กวัยเรียน แนะนำให้เน้นกิจกรรมที่มีแรงกระแทกแนวดิ่ง เช่น วิ่ง กระโดด เพื่อกระตุ้นข้อต่อกระดูก ช่วยเพิ่มความสูง ส่งเสริมการเจริญเติบโต พร้อมช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะถือโอกาสออกกำลังกายในท่าง่ายๆ ร่วมกัน เพื่อให้ลูกรู้สึกสนุก ไม่เบื่อ โดยควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีต่อครั้ง ทำให้ได้อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์


17.00 น. มื้อเย็นพร้อมหน้า เวลาทองของครอบครัว จัดเต็มกิจกรรมมาทั้งวัน จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งล้อมวงกินอาหารเย็นพร้อมหน้า อีกช่วงเวลาคุณภาพสำหรับ อ.อารมณ์ ที่ส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กที่จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรัก และความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งในช่วง Social Distancing เช่นนี้ อาจจะไม่ได้มีแขกหรือญาติมาร่วมมื้อเย็นด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจจะชวนลูกมาวิดีโอคอลไปหาญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ อย่างน้อยตัวห่างใจไม่ห่าง


19.00 น. ดื่มนม ฟังนิทาน ก่อนนอน เหนื่อยล้ามาทั้งวัน มาถึงการพักผ่อน อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี นอกจากเด็กๆ จะควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง ยังควรเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนได้เต็มที่ ทำให้เจริญเติบโตได้อย่างสมวัย ช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ และเสริมพัฒนาการด้านสมองให้ลูกพร้อมเรียนรู้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกเข้านอนเป็นเวลา เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย นอนหลับง่าย และหลับอย่างมีคุณภาพ ตื่นเช้ามาอย่างสดใส โดยก่อนเข้านอน อาจจะให้ดื่มนมอุ่นๆ จากนั้นอาจชวนทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย อย่างการชวนคุย เล่านิทานให้ฟัง ไปจนถึงการบอกรัก และแสดงความรัก เพื่อให้เด็กๆ มีอารมณ์แจ่มใสก่อนนอน


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของไอเดียในการจัดตารางกิจกรรมประจำวันให้เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกปรับให้เหมาะสมกับครอบครัวและความสนใจของลูก โดยข้อดีของการมีตารางกิจกรรมประจำวันที่มีพื้นฐานตามหลัก 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์เป็นตัวช่วยในช่วงเวลาที่เด็กๆ ต้องอยู่บ้านนานๆ เช่นนี้ นอกจากจะช่วยให้เด็กๆ มีวินัยในการเรียนและการทำกิจกรรมให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ทุกวัน ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจอีกด้วย

สามารถติดตามบทความดีๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างสุขภาพดีที่บ้าน ได้ที่ https://www.nestle.co.th/th/nhw/health-care-during-outbreak


กำลังโหลดความคิดเห็น