“สามารถ” โต้ “ปิยบุตร” ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจกระทบโควิด-19 ระบาดเฟส 2 เชื่อหวังปลุกม็อบต้านรัฐบาล
จากกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ แกนนำคณะก้าวหน้า เผยแพร่วิดีโอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนและยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 น้อยลง มาจากบุคลากรทางด้านสาธารณสุข รวมถึงความเสียสละของประชาชนที่ร่วมแรงร่วมใจกันรักษาระยะห่างทางสังคม และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเหมือนรัฐประหาร หรือป้องกันการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกันแน่ ขอให้ประชาชนร่วมมือกันรณรงค์ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที
วันนี้ (22 พ.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขอเตือนสติ นายปิยบุตร กรณีประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือนนั้น ไม่ใช่การรัฐประหารรวบอำนาจ และไม่ทราบว่า นายปิยบุตร สับสนข้อมูลหรือค้านแบบไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ใช้กัน อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ต่างก็มีการประกาศล็อกดาวน์ใช้กฎหมายพิเศษควบคุมความปลอดภัยของพ่อแม่พี่น้องประชาชนเพื่อลดการแพร่ระบาด
นายสามารถ กล่าวอีกว่า วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำมานั้น มีความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ตรงนี้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่เข้าใจว่า นายปิยบุตร ถึงคิดไปเองแบบนั้น พร้อมขอวิงวอน นายปิยบุตร ให้ Social Distancing ทางการเมืองบ้าง เพื่อที่จะให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงในวันนี้เป็นผลจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา และหากไม่ดำเนินการต่อเนื่องอาจกลับมาระบาดในเฟสที่ 2 ได้
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วง นายปิยบุตร เพราะอาจจะห่างจากภรรยามานาน จึงอยากให้กลับไปอยู่กับภรรยาที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะจะได้กระชับความสัมพันธ์ ให้มองโลกในแง่ดีบ้าง นอกจากนี้ นายปิยบุตร เคยเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต แต่สภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 242 ต่อ 215 เสียงไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการ และไม่อยากให้ นายปิยบุตร เป็นคนแค้นฝังหุ่น นายกรัฐมนตรี แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ทราบว่า นายปิยบุตรเป็นห่วงเชื้อโรคหรือห่วงประชาชนถึงออกมาขวางการประกาศใช้อำนาจทางฝ่ายบริหารที่เล็งเห็นเป็นห่วงพ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นหลัก และ รัฐบาลก็มีมาตรการผ่อนคลายมาโดยตลอด จึงอยากให้นายปิยบุตรหยุดพูดบ้างและอยากให้พักผ่อนบ้าง เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน และ เพื่อสุขภาพของนายปิยบุตรเอง
