ช่วงเวลาที่ไวรัสร้ายระบาดไปทั่วเช่นนี้ ผลกระทบใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีเสมอไป เรื่องดีๆ ก็มีอยู่เหมือนกัน เมื่อบรรดาเซเลบริตีมืออาชีพทั้งหลายที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองแถมยังทำรายได้ให้อย่างมหาศาล แต่เมื่อต้องมาอยู่บ้านเฉยๆ เขาเหล่านั้นจึงมีเวลาที่จะมาแบ่งปันความรู้ที่มีให้แก่คนทั่วไปแบบฟรีๆ ได้เรียนกันทางโซเชียลฯ นี่แหละ ประมาณว่าคนสอนได้หายเบื่อ คนเรียนได้ความรู้ เผื่อไปต่อยอดทำอะไรที่ได้เงินเยอะๆ กับเขาบ้าง วันนี้ก็เลยจะตามไปดูว่าใครเป็นใคร สอนทำอะไรกันบ้าง เผื่อคนที่ยังไม่รู้จะได้ไปตามติดผลงานกันได้คร่า
เริ่มที่ นายกสมาคมวิชาชีพช่างผมไทย แฮร์สไตลิสต์ยืนหนึ่งของเมืองไทย “พี่แดง - ดร.สมศักดิ์ ชลาชล” แห่งชลาชลอะคาเดมี หลังจากที่ต้องอยู่กับบ้านเฉยๆ มาหลายวันก็เริ่มเบื่อ เพราะออกกำลังกายก็แล้ว ไปส่องไอจีเพื่อนๆ ที่เขาต่างทำกิจกรรมโน่นนี่นั่นกัน นั่งทำเฟซชิลด์ไปบริจาคก็แล้ว ก็อยากจะหาอะไรทำให้หายเบื่อดูบ้าง พอดีไปเห็นคลิปในไอจีของเสี่ยร้านเพชรแห่งบิวตี้เจมส์ “หนึ่ง - สุริยน ศรีอรทัยกุล” ที่ตัดผมให้ลูกชายเองที่บ้าน เหตุเพราะร้านตัดผมปิดในช่วงระบาดของโควิด-19 จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเผื่อแผ่ความรู้ที่มีแก่คนทั่วไป เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการพึ่งพาอาศัยกัน
แถมหลายคนยังบ่นว่าผมยาว ร้านตัดผมก็ปิดมาหลายสัปดาห์แล้ว งานนี้พี่แดงเลยต้องมาออกโรงเองด้วยการทำคลิปวิดีโอสอนวิธีการจะตัดผม จะตัดให้คนรัก ลูกหลาน หรือคนในครอบครัวก็ได้ ผลพลอยได้คือ เป็นการสร้างความรัก ความผูกพันในครอบครัวได้ด้วยคร่า โดยพี่แดงได้สอนวิธีการตัดผมผู้ชายและผู้หญิงแบบง่ายๆ ไม่ต้องเป็นช่างตัดผม หรือไม่ต้องไปเรียนให้เสียเงิน ก็ตัดให้กันเองที่บ้านได้แบบปลอดเชื้อเพื่อชาติด้วยคร่า
พี่แดงบอกว่า เป็นการสอนแบบ DIY ตัดเองก็ได้ง่ายจัง แต่วันนี้จะขอแนะนำวิธีตัดผมผู้ชายก่อน เพราะผู้ชายเมื่อผมยาวจะดูโทรม ผู้หญิงยังมัดได้รวบได้ นายแบบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หลานชายพี่แดงนั่นเอง
ก่อนอื่นต้องเตรียมอุปกรณ์ก่อน เช่น กระบอกฉีดน้ำ กรรไกร หวี คลิปสำหรับแบ่งผม ปัตตาเลี่ยนที่มีตัวรองซึ่งขณะนี้มีขายอยู่ทั่วไป ตัวรองจะทำให้เมื่อไถผมแล้วจะไม่ถึงหนังหัวจนขาว ก่อนอื่นต้องหาผ้าคลุมตัวคนที่เราจะตัดให้ก่อน
การตัดผมผู้ชายให้สมาร์ท พี่แดงบอกว่าต้องตัดให้เป็นสแควร์ หรือสี่เหลี่ยมนั่นเอง ซึ่งต้องแบ่งผมก่อนด้วยการดูจากแนวหางคิ้วด้านข้าง แล้วแบ่งผมสองข้างให้ยาวตรงไปด้านหลัง ส่วนด้านหลังก็แบ่งให้มาชนกับปลายทั้งสองข้าง ให้ดูว่าเป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ติดคลิปไว้ทั้งสามด้าน แล้วเริ่มไถปัตตาเลี่ยนโดยวางปัตตาเลี่ยนแบบให้ความรู้สึกว่าตัวที่รองแนบกับศีรษะพอดี ฟันของปัตตาเลี่ยนก็จะไม่เข้าไปทำให้ผมแหว่งได้ ซึ่งจะเริ่มไถจากด้านข้างขึ้นไปจนถึงแนวผมที่แบ่งไว้ ไถจนรอบศีรษะวนไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ทรงนี้จะเป็นการไว้ผมด้านบนให้ยาว ถ้าข้างหูไม่เนี้ยบก็ใช้หวีด้านห่างรองนิดหนึ่ง ค่อยๆ ตัดแต่งไปทีละนิด มือให้นิ่ง ขอบหูด้านบนก็ใช้กรรไกรเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ตกแต่งด้านหน้านิดหน่อยให้ดูเป็นทรง เรียบร้อย แค่นี้คุณก็ได้เป็นช่างตัดผมจำเป็นในแบบชลาชลฟรีๆ กันเลยจ้า
ส่วนวิธีตัดผมผู้หญิงแบบง่ายๆ ไปติดตามชมกันได้ที่ FB : chalachol-Academy
ด้าน “ดร.นก - ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ” อดีตนางสาวไทยปี 2541 ภริยาสาวคนสวยของผู้บริหารแห่ง ดิ เอ็มโพเรียม “กบ-เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ” นกเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาด้านสุขภาพอย่างรุนแรงมาก่อน หลังจากที่เธอหายเป็นปกติ เธอก็มาสนใจดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี นกเคยเป็นพิธีกรทำรายการที่เกี่ยวกับอาหาร ก่อนหน้านี้เธอมักได้รับเชิญไปพูดเรื่องการดูแลสุขภาพอยู่เสมอๆ ปัจจุบันเธอทำอาหารให้สามีรับประทานด้วยตัวเอง และมีการแนะนำการทำอาหารทางโซเชียลมีเดียเกือบทุกวัน วันนี้ จึงอยากจะขอนำเมนูสมูทตีอาหารเช้า Green Goddess Smoothie สำหรับคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก ให้สามารถทานผักได้แบบเต็มๆ อย่างอร่อย แถมช่วยให้คนขี้เกียจเคี้ยวผักสลัด ได้กินผักทั้งชามอย่างไม่มีข้อแม้อีกด้วย นับว่าเป็นเมนูกินผักในฝันที่คุณแม่บ้านอาจทำให้คุณสามีและคุณลูกกินในยามนี้
ส่วนผสมก็มีไม่กี่อย่าง แถมหาได้ไม่ยาก แค่ผักสลัดล้างให้สะอาด 1 ชาม มะม่วงดิบเปรี้ยวๆ มันๆ 1 ลูกใหญ่ (เป็นการลดความเขียวด้วยความเขียว) ปอกและหั่นมะม่วงเป็นชิ้นๆ จากนั้นเสริมความหวานด้วยสับปะรดหนึ่งชิ้นใหญ่หน่อย เติมน้ำส้มคั้นไปให้ได้ปริมาณ 400 CC. (ดื่มได้สองคน) แล้วนำทุกอย่างไปปั่นเข้าด้วยกัน อาจจะเติมน้ำเย็นได้นิดหน่อย หากกลัวว่ารสชาติจะเข้มข้นจนเกินไป หลังจากปั่นเสร็จแล้วควรดื่มทันที เพราะเราจะได้สมูทตี้เสริมวิตามินซีเต็มพิกัด แถมได้ไฟเบอร์และโฟเลตจากผักสีเขียวแบบเต็มๆ อีกด้วย
สำหรับใครที่อยากจะดูเมนูง่ายๆ แถมยังเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบและลดไขมันในเลือด ลองเข้าไปดูที่ IG : nokhealthso
ขณะเดียวกัน “หนูดี - วานิษา เรซ (noodi_vanessa)” ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพ เจ้าของเฟซบุ๊ก “อัจริยะสร้างได้” จบปริญญาโทด้านสมองจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจในการดูแลสุขภาพ เน้นการรับประทานอาหารที่ปลอดภัยแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ที่เรียกกันว่าแพลนต์เบสต์ จึงทำอาหารรับประทานเองเสมอๆ แถมเธอยังปลูกผักสวนครัวไว้ที่บ้านเองอีกด้วย ช่วงนี้ยิ่งมีเวลาหยุดอยู่กับบ้าน หนูดีจึงจัดเต็ม ถ่ายคลิปให้เห็นถึงวิธีการทำอาหารเพื่อสุขภาพและแนะนำเคล็ดลับแบบง่ายๆ เพื่อแชร์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่สนใจ
วันนี้จึงขอนำวิธีการทำ “วุ้นลูกหว้า” ไม่ใส่น้ำตาลของหนูดีมาแชร์ หนูดีบอกว่าที่ทำวุ้นลูกหว้าเพราะนอกจากหลังบ้านหนูดีจะปลูกพืชผักสวนครัว ปลอดสารพิษ และเพาะเห็ดไว้กินเองแล้ว ยังมีต้นลูกหว้าถึงสองต้น และออกลูกในฤดูร้อนทุกปี แต่ละปีหนูดีก็จะเก็บเอามาทำน้ำลูกหว้าไว้กินเอง แต่ปีนี้พิเศษตรงที่หนูดีมีเวลาอยู่กับบ้านเยอะหน่อย จึงนำผลลูกหว้ามาทำเป็นส่วนผสมของวุ้นลูกหว้า ซึ่งไม่ได้ยากไปกว่าที่คิดไว้ แค่ต้มลูกหว้าจนเปื่อย ตักน้ำออกมาแบบมีกากปนนิดๆ ถ้าชอบน้ำหว้าข้นๆ และละลายผงวุ้น Agar ลงไปในน้ำหว้า ทิ้งให้วุ้นดูดน้ำสัก 10 นาที แล้วตั้งไฟให้มีฟอง จากนั้นดับไฟเลย ไม่เคี่ยว ตั้งทิ้งไว้จนเย็น แล้วจึงนำเข้าตู้เย็นแช่ไว้ข้ามคืน
เมื่อถึงเวลาที่จะรับประทาน อาจจะนำมาทานเล่นเฉยๆ พร้อมแต่งรสด้วย Stevia กับดอกเกลือ และโรยกราโนล่า เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยอีกรูปแบบหนึ่ง ร้อนๆ แบบนี้ กินแล้วชื่นใจมากเลยคร่า แถมสีสันยังสวยงามอีกด้วย หนูดีแนะนำว่า หากลูกหว้ามีปริมาณที่เยอะ ก็ล้างให้สะอาดแล้วเก็บในถุงซิปล็อกแช่ช่องฟรีซไว้เลย แค่นี้เราก็จะมีลูกหว้ากินกันตลอดปี
มาถึงรุ่นเล็กลงมาหน่อย แต่ฝีมือไม่เล็ก อย่าง เซเลบริตีเชฟมืออาชีพกันบ้าง “เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ” Top Chef Thailand คนแรกของไทย ที่มุ่งมั่นทำตามคอนเซ็ปต์ Farm to Table นำวัตถุดิบจากผู้ผลิตมาถึงมือผู้บริโภค ด้วยการลงพื้นที่เอง ปลูกผักเอง นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเธอยังไปสำรวจถึงแหล่งวัตถุดิบท้องถิ่นของไทย นำมาทดลองปลูกที่บ้าน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารเมนูต่างๆ ที่เธอคิดขึ้นเอง พร้อมเสิร์ฟที่ร้านอาหาร “บ้านเทพา” ซึ่งนำเสนออาหารในรูปแบบ Chef’s Table รองรับนักชิมได้ครั้งละ 12 คน เชื่อว่าแต่ละเมนูนั้นคนธรรมดาอย่างเราๆ ถ้าไม่ได้ไปชิมถึงร้านของเธอ ก็คงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสแน่นอน แต่วันนี้ เชฟตามจะมาแนะนำวิธีทำ ซุปฟักทอง แบบง่ายๆ สำหรับคนที่เริ่มอ้วนเพราะกินข้าวเยอะ เพื่อที่เราจะได้ทำกินเองที่บ้าน ประหนึ่งว่าเราเป็นเชฟตามกันเลยทีเดียว
เริ่มแรกก็เลือกฟักทองเนื้อแน่นๆ มันๆ มาลูกหนึ่งแล้วนำมาผ่าครึ่ง จากนั้นควักเมล็ดออก ปอกเปลือกออกให้หมดแล้วนำมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ไซส์เท่าๆ กัน เพื่อจะได้สุกพร้อมกัน แล้วเตรียมหั่นหอมหัวใหญ่ 2 หัว ให้เป็นชิ้นเล็กๆ และกระเทียมหัวใหญ่ 4 กลีบ แครอทนิดหน่อย ต้นกระเทียมญี่ปุ่น เบคอน ทุกอย่างนี้นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกลงไปนิดหน่อยพอร้อน แล้วใส่กระเทียม หอมหัวใหญ่ แครอทลงไปผัดให้นิ่มๆ พอเข้ากันแล้วใส่เบคอนลงไปเจียวให้เหลืองๆ ปิดฝาแป๊บนึง ใส่ไวน์ขาว เหล้ายูสุ รอจนแอลกอฮอล์ระเหยจนดูเป็นคาราเมลเหนียวๆ ด้านล่าง จากนั้นใส่ฟักทอง ผัดคลุกเคล้าให้ทั่ว โรยเกลือไปนิดหน่อย เพื่อให้ฟักทองคลายน้ำออกมา แล้วใส่น้ำสต็อกหรือน้ำซุปที่เตรียมไว้ให้พอดีๆ ไม่ต้องถึงกับท่วมฟักทอง ปิดฝาหรี่ไฟตั้งทิ้งไว้ให้ฟักทองสุกจนเนื้อเปื่อย แล้วใช่ทัพพีกดๆ ลงไป จากนั้นใส่ครีมและเนยอย่างละนิดหน่อย แล้วจึงนำไปปั่น ก็จะได้ซุปฟักทองสีเหลืองสวยมาทานเพื่อสุขภาพ แถมยังมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนอีกด้วย แอบกระซิบนิดหนึ่งว่า จริงๆ แล้วสูตรที่เชฟตามชอบมากจะใส่ขิงไปด้วย ใครที่ชอบขิงก็ลองทำดู ทำเองกินเอง ก็เป็น Chef’s Table เองได้ที่บ้าน