xs
xsm
sm
md
lg

ในวันที่ไม่ได้ขายเพชร! 3 เจ้าของหันมานั่งขัดเพชรขัดพลอยกันหรือเปล่า!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอัญมณีเลอค่า โดยเฉพาะ เพชร ที่ในแต่ละปีมีมียอดส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่เมื่อทั่วโลกกำลังเผชิญกับโรคโควิด-19 ทำให้ทุกธุรกิจมีอันต้องชะงัก หรือไม่ก็ปิดชั่วคราว ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายจิวเวลรี อย่างร้านเพชร เครื่องประดับสุดหรู ที่ต้องปิดชั่วคราวตามมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ

วันนี้จะพาไปดูว่าในช่วงที่ร้านเพชรปิดนี้ บรรดาเจ้าของชื่อดังของเมืองไทยเขาทำอะไรกันถ้าไม่ได้ขายเพชร


หากพูดถึงวงการเพชรเมืองไทยคงไม่มีใครไม่รู้จัก “เดอะหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” เสี่ยใหญ่แห่ง บิวตี้เจมส์ (Beauty Gems) ผู้ส่งออกเพชรรายใหญ่ของประเทศ พอมาเจอช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำใหัการส่งออกเพชรไปในบางประเทศต้องชะงักลง หรือมียอดส่งออกน้อยกว่าเดิมถึงเท่าตัว ประกอบกับร้าน Beauty Gems ในเมืองไทยก็ไม่สามารถเปิดให้ลูกค้าคนไทยสามารถเลือกชมและชอปเพชรได้ดังแต่ก่อน เสี่ยหนึ่งจึงผันตัวเองไปขายประกันภัยแทนการขายเพชร แถมยังมีเวลาได้อยู่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


“ตอนนี้ผมกำลังมาช่วยที่บ้านขายประกันภัย ในนามของ บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจการของครอบครัว เพราะร้านเพชรไม่สามารถเปิดขายได้ตามมาตรการของรัฐ ส่วนการส่งออกเพชรในบางประเทศก็ชะลอตัวลง แต่ช่วงนี้ผมมองว่าเราควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะในขณะที่ธุรกิจของเราชะลอตัว เราก็มีเวลาได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยเฉพาะกับลูกๆ อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ อย่างก่อนหน้าที่ร้านตัดผมยังไม่อนุญาตให้เปิด ลูกชายผมยาว ผมก็ต้องเป็นช่างจำเป็นตัดผมให้ลูกๆ หรือแม้แต่การลุกมาทำงานบ้านเอง พอเราได้มาทำแล้วรู้สึกว่าจังหวะดีๆ แบบนี้ของชีวิตแทบไม่ค่อยมีมาก่อนเลย” เดอะหนึ่งเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส


พร้อมเล่าต่อว่า สถานการณ์ช่วงนี้ทุกคนควรให้ความร่วมมือกันเสียสละในบางส่วน เพื่อประคองให้ธุรกิจและพนักงานทุกคนอยู่ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

“ตลอดระยะเวลา 56 ปีของบิวตี้เจมส์เราผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง หรือน้ำท่วม เราก็ผ่านมาได้ แต่ครั้งนี้อาจหนักกว่าที่ผ่านมา เพราะเราเจอโรคร้ายซึ่งระบาดไปทั่วโลก ดังนั้น ทุกคนต้องเสียสละร่วมกัน เช่น เจ้าของกิจการ พนักงาน ภาครัฐ และเอกชน ควรยอมเสียสละคนละ 25% ซึ่ง 4 ส่วนรวมกันก็ 100 พอดี ผมมั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ พนักงานก็ไม่ต้องตกงาน เจ้าของกิจการก็สามารถประคับประคองทุกอย่างให้ผ่านไปได้ ด้วยความช่วยเหลือและสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลและธนาคาร”


เสี่ยใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์ยังบอกถึงแนวทางการตลาดของบิวตี้เจมส์หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำสำหรับลูกค้าภายในประเทศคือ การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทุกคนให้ได้ความประทับใจ จากนั้นอีก 2 เดือนค่อยทำโปรโมตแบรนด์ จัดงานอีเวนต์เหมือนที่ผ่านมา ส่วนการส่งออกเพชรถ้าลูกค้าประเทศไหนสั่งออเดอร์มาก็พร้อมผลิตส่งออกตลอดเวลา


“ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือ พยายามส่งอาหารเครื่องดื่มไปให้ลูกค้าของเราเป็นประจำเพื่อเป็นอีกหนึ่งความห่วงใยและกำลังใจให้ลูกค้าทุกคนผ่านภาวะตึงเครียดนี้ไปให้ได้ จากนั้นเราก็ประเมินสถานการณ์ในประเทศแทบทุกเดือน ซึ่งเดือน พ.ค.นี้คงยังทำอะไรไม่ได้นอกจากการดูแลลูกค้าของเราไปก่อน ส่วนในเดือน ก.ค.ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นและสงบลง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เราก็จะจัดงานอีเวนต์ทำการตลาดในทันทีเพื่อให้ลูกค้าไม่ลืมแบรนด์บิวตี้เจมส์”


ขณะที่ผู้บริหารสาวคนเก่งอย่าง “อัญรัตน์ พรประกฤต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ อัญมณีแบรนด์สัญชาติไทยแท้ ก็ไม่ต่างจากเจ้าของกิจการอื่นๆ ที่กำลังประสบกับภาวะวิกฤตของโรคร้าย เพราะกิจการร้านเพชรกว่า 130 สาขาทั่วประเทศที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลงชั่วคราวตามมาตรการของรัฐบาล มีเพียง 2 สาขาที่ไม่ได้อยู่ในห้าง อย่าง สาขาสะพานเหล็ก และสีลม เท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการแก่ลูกค้าตามปกติ ภายใต้มาตรการการรักษาความสะอาดและปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ใช่ว่าผู้บริหารหญิงเก่งจะปล่อยให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักตามภาวะเศรษฐกิจ เพราะเธอหันมาเน้นช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ เรียกว่าเป็นระบบ E-Commerce คือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเต็มตัวเลยก็ว่าได้

“ก่อนหน้านี้บริษัทเราก็ขายเพชรออนไลน์ควบคู่ไปกับการขายหน้าร้านอยู่แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์ครั้งนี้ เราจึงเน้นขายแบบออนไลน์เต็มตัว ทำโปรโมชันช่วงโควิด-19 อย่างเต็มรูปแบบ มีโปรโมชันลดสูงสุด 65% ผ่อนบัตรเครดิต 0% 10 เดือน มีคืนเงินผ่านบัตรเครดิต แถมยังมีบริการส่งเพชรตรงถึงหน้าบ้านของลูกค้า โดยที่ไม่ต้องมารับเอง หากลูกค้าอยากชมเพชรของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ก็ไปชมได้ทั้ง 2 สาขาที่เราเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งก็เป็นการทำการตลาดอีกทางในช่วงนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าหลายราย ยอดอาจจะไม่ได้สูงเหมือนการขายหน้าร้าน แต่ก็ยังทำให้มีรายได้เข้ามาพอที่จะดูแลพนักงานกว่า 400 ชีวิตให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” บอสสาวเก่งเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส


พร้อมเล่าต่อว่า ถ้าผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปแล้ว ภารกิจแรกในการฟื้นฟูกิจการร้านเพชรกว่า 130 สาขา คือ การทำการส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ การทำโปรโมชัน รวมไปถึงการทำประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ให้มีคนรู้จักมากขึ้น

“หลังจากนี้เราคงทำการตลาดหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว แต่ในช่วงแรกหลังจากที่สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว เราจะต้องเร่งปิดยอดขายยอดเดิมให้สำเร็จก่อน จากนั้นจึงมาทำโปรโมชันใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น ภาระที่รออยู่เบื้องหน้าหลังจากนี้คงเป็นงานหนักกว่าเดิม แต่เราต้องผ่านไปให้ได้”


หากแต่ในความโชคร้ายที่เกิดขึ้นในบางจังหวะของชีวิต ผู้บริหารหญิงเก่งก็ยังค้นพบความสุขในชีวิตบางอย่างที่เธอแทบไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

“ช่วงหยุดอยู่บ้านทำให้เรามีเวลาสะสางสิ่งต่างๆ ที่ยังค้างคาได้เป็นจำนวนมาก แถมยังมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนอัญต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสทุกวันก่อนเข้าทำงานที่บริษัท แต่ตอนนี้เราไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปฟิตเนส เราสามารถตื่นสายได้และออกกำลังกายอยู่ที่บ้านทุกเช้า บางวันก็จะวิ่งบนลู่วิ่ง บางวันก็เต้นแอโรบิก ซึ่งตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้รู้สึกดีมีความสุข และคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสก็ได้ และเมื่อออกกำลังกายพอได้เหงื่อนิดหน่อย ช่วงสายๆ ก็อาบน้ำแต่งตัวเริ่มทำงานตามปกติ ซึ่งอัญมองว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีอีกช่วงหนึ่งของชีวิต”


ปิดท้ายที่ผู้บริหารหญิงคนเก่งแห่ง ร้านเพชรจัสมิน (JASMIN) แบรนด์เพชรสัญชาติไทยแท้ “โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์” รองประธานกรรมการบริหาร จัสมิน จิวเวลรี่ กรุ๊ป บอกว่า ช่วงนี้ถึงแม้จะไม่สามารถเปิดร้านเพชรที่มีอยู่ทั้งสองสาขา ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และโรงแรมอนันตรา สยาม ได้ เพราะต้องปิดตามนโยบายล็อกดาวน์ของรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงหยุดทำงานขายเพชรแต่อย่างใด เพราะนอกจากการสั่งการลูกน้องผ่านออนไลน์แล้ว ในวันว่างยามที่ลูกค้าต้องการดูเพชรเม็ดงามของจริง เจ้าตัวก็จะอาสานำเพชรออกไปให้ลูกค้าชมถึงที่บ้านกันเลยทีเดียว

“ตอนนี้เราปิดร้านเพชรหมดทั้ง 2 สาขา แต่ว่าเน้นขายในรูปแบบไลน์ออฟฟิศเชียลแทน ถึงแม้ว่ายอดขายจะไม่ดีเท่ากับขายหน้าร้าน แต่ก็ยังพอประคับประคองพาธุรกิจและพนักงานอีกหลายชีวิตอยู่รอดได้ และอีกหนึ่งช่องทางการขายเพชรคือ ลูกค้าประจำหลายรายต้องการเห็นตัวเครื่องประดับเพชรของจริงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ แต่ก็กังวลในเรื่องของความปลอดภัยเรื่องการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กันอย่างมาก เพราะไม่ทราบว่าพนักงานขายของเราที่จะนำเพชรไปให้ชมไปที่ไหนมาบ้าง และในช่วงแรกมีนโยบายไม่ให้คนนอกเข้าไปภายในบ้าน ดังนั้น เราในฐานะที่เป็นเจ้าของกิจการก็จะนำเพชรไปให้ลูกค้าชมเองถึงบ้าน เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยว่าเราไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนนอกจากมาบ้านของลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็มั่นใจในความปลอดภัย และรู้สึกดีที่เราซึ่งเป็นเจ้าของกิจการนำเพชรออกไปให้ดูเอง”


นอกจากจะรับหน้าที่เป็นแม่ค้าขายเพชรดีลิเวอรีถึงบ้านแล้ว ช่วงนี้เธอยังบอกอีกว่าเป็นจังหวะที่ดีของชีวิตเช่นกันที่จะได้อยู่กับครอบครัวและมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น

“เมื่อก่อนเราต้องออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อรีบไปทำงานและกว่าจะกลับบ้านก็ค่ำมืดดึกดื่น แต่ช่วงนี้เราทำงานที่บ้าน จึงมีเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับคุณพ่อคุณแม่ครบ 3 มื้อเกือบทุกวัน ยกเว้นวันที่ต้องนำเพชรออกไปให้ลูกค้าดู หรือแม้แต่การได้อยู่กับสุนัขตัวโปรดตลอดทั้งวัน ซึ่งในบางครั้งเราคิดว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่มันคือวิกฤต หากแต่ถ้าคิดอีกมุมมันก็เป็นโอกาสที่ดีของชีวิต ที่เราจะได้มีเวลาทบทวนตัวเองกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติต่อไป”

บอสสาวยังพูดถึงทิศทางของธุรกิจร้านเพชรของตัวเองหลังจากผ่านพ้นวิกฤตช่วงล็อกดาวน์ว่า การขายออนไลน์ยังคงต้องดำเนินควบคู่ต่อไปกับการขายหน้าร้าน รวมไปถึงจัดโปรโมชันร่วมกับศูนย์การค้าในการส่งเสริมการขายต่อไป

“การขายออนไลน์ผ่านไลน์ออฟฟิเชียลเราก็ยังเน้นเป็นหลักต่อไปเพื่อให้พนักงานมีความคุ้นชินกับระบบนี้ และจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงการจัดทำสื่อโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ที่คิดว่าน่าจะเข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็วที่สุดอีกช่องทางหนึ่ง” ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงเผยเคล็ดลับการตลาดหลังผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด


กำลังโหลดความคิดเห็น