xs
xsm
sm
md
lg

แซ่บสุดขั้วสไตล์ตัวแม่แห่งวงการแฟชั่น “จ๋อม เธียเตอร์”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถ้าเอ่ยชื่อของแบรนด์ “เธียเตอร์” สาวน้อยสาวใหญ่ที่ชอบเดินชอปปิ้งแถวๆ สยามคงต้องตาลุกวาว เพราะ “เธียเตอร์” เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ ที่สาวๆ หลายคนมีในครอบครอง ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับสไตล์ของเจ้าของแบรนด์เธียเตอร์ “พี่จ๋อม เธียเตอร์” หรือ “ศิริชัย ทหรานนท์” ดีไซเนอร์และเจ้าของห้องเสื้อเธียเตอร์ ที่เมื่อได้สัมผัสกับสไตล์ของคุณพี่แล้วขอบอกว่า “แซ่บกว่าดีไซน์แบรนด์ ก็เจ้าของแบรนด์นี่แหละ!”

ย้อนหลังไปเมื่อเกือบๆ 30 ปี วัยรุ่นคนหนึ่งที่มีความชอบในเรื่องการแต่งตัว ไม่มีพื้นฐานใดใด ในการตัดเย็บเสื้อผ้า อาศัยใจรักและการรู้จักดัดแปลงของที่มีอยู่มาทำเป็นเสื้อผ้าให้ตัวเองและเพื่อนๆ ใส่ ประดิดประดอยไปมาจนกลายเป็นช่องทางในการทำแบรนด์ของตัวเอง

“ตั้งแต่เด็กพี่จ๋อมเป็นเด็กชอบเที่ยว ชอบแต่งตัว ชอบใช้ชีวิต ชอบมีไลฟ์สไตล์กับกลุ่มเพื่อน พอโตขึ้นก็ไปเรียนศิลปะ มีกลุ่มเพื่อนที่ชอบแฟชั่นแต่ไม่มีเงินที่จะซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ใส่ ก็ทำเสื้อผ้าใส่กันเอง ทำให้เพื่อนบ้าง สลับใส่กับเพื่อนบ้าง โดยศึกษาจากหนังสือแฟชั่น ดูจากแมกกาซีน แล้วก็ไปซื้อผ้ามาผืนละ 30-40 บาท มาตัดเย็บเองซึ่งก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร เน้นคัตติ้งที่ตัดง่ายๆ แต่เน้นสีสัน ลายผ้าที่สวยๆ เพราะตอนเรียนเราเรียนเท็กซ์ไทล์ ก็ใช้พื้นฐานตรงนั้นมาปรับใช้ให้เสื้อผ้าของเราดูมีอะไรมากขึ้น กระทั่งเราทำงาน เริ่มซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองได้ แต่ก็ยังคงทำเสื้อผ้าให้ตัวเองใส่อยู่ดี เพราะรู้สึกว่าที่มีขายยังไม่ถูกใจเรา พอทำขึ้นมาก็เริ่มมีคนชอบ อยากได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าทำขายดีกว่า”



จากวันนั้นเอง ถือเป็นการเปิดโรงละครโรงใหญ่ของชีวิตพี่จ๋อม ด้วยการทำแบรนด์ “เธียเตอร์” โดยที่มีพี่จ๋อมเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบท!

“ที่มาของชื่อ “เธียเตอร์” เป็นเหมือนโรงละครแห่งชีวิต ที่เปิดเธียเตอร์ขึ้นมาเพราะในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นที่เป็นแบรนด์ดังๆ ในกรุงเทพฯ ยังไม่มีมากนัก เลยมีพื้นที่ให้เธียเตอร์สยายปีกได้ เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธียเตอร์ คือ Easy Piece เช่น เสื้อเชิ้ต กางเกง เสื้อสูท แต่เราก็จะทำให้ Easy Piece เหล่านั้นนำมามิกซ์แอนด์แมตช์จนเกิดเป็นสไตล์ที่เป็นตัวคุณ เหมือนว่าคุณจะเป็นอะไรก็ได้ จะดราม่า สวยหวานชวนฝัน ดุดัน สนุกสนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเวลาลูกค้ามาที่ร้านเขาจะมาค้นหาเสื้อผ้าในร้านเรา แล้วเอาไปมิกซ์กับเสื้อผ้าที่เขามีอยู่ที่บ้าน จึงเกิดเป็นความหลากหลายในดีไซน์ ที่มีทั้งความดราม่า ความมัสคูลิน ความเฟมินีน เป็นอะไรที่มิกซ์จนเป็น DNA ของร้าน”


และถ้าจะพูดถึงสไตล์ที่เป็นตัวตนของคุณพี่จ๋อม ผู้ก่อตั้งแบรนด์เธียเตอร์แล้วหล่ะก็ พี่จ๋อมบอกเลยว่า “ชีวิตพี่ผ่านอะไรมาเยอะ” ลองผิดลองถูก พังบ้าง เกิดบ้าง จนทุกวันนี้หล่อหลอมจนโอเคกับสไตล์สุดแซ่บของตัวเองแล้ว!

“ต้องบอกว่า ถ้าวันไหนคนไม่ชมหรือไม่ทัก เราจะรู้สึกว่า “เราน้อยไปหรือเปล่า?” (หัวเราะ) ดีกรีของการแต่งตัวจริงๆ แล้วเป็นคนเอนจอย ชอบชิ้นที่มีความหมาย มีความเป็นคัลเจอร์ซ่อนอยู่ เริ่มเป็นสไตล์นี้ในระยะหลังสัก 10 ปีที่ผ่านมาได้ เป็นช่วงชีวิตที่เราเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม... ซึ่งก่อนหน้านี้คือเดินสายแฟชั่น เช่นแบบไปปารีส อิตาลี ทุกปี ไปแล้วก็ชอปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า ซื้อแบรนด์เนม เสพและใช้จ่ายเรื่อยมาจนมีเพื่อนชวนให้ลองไปเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ไปประเทศแปลกๆ ประเทศที่มีอารยธรรม เช่น เนปาล อิหร่าน โมร็อกโก อินเดีย กัวเตมาลา เม็กซิโก จอร์เจีย ไปดูอารยธรรม ไปดูของพื้นเมือง ช่วงไปเที่ยวเมืองพวกนี้ใหม่ๆ ก็ไม่ได้แต่งตัวจัดจ้านอะไร แต่พอเจอของสวยๆ งามๆ แปลกตา ค่อยๆ เอาคัลเจอร์ต่างๆ มาผสมผสานเกิดขึ้นเป็นไตล์ของเรา ซึ่งไม่ใช่แค่สไตล์ของตัวเราเท่านั้น แต่หยิบจับเอามาหยอดเข้าไปในสไตล์ของเสื้อผ้าเธียเตอร์ที่เราออกแบบด้วย”


ความภูมิใจหนึ่งของแฟชั่นนิสต้าและดีไซเนอร์ตัวแม่คนนี้ก็คือ การได้นำเสื้อผ้าที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไปใส่โชว์ต่างประเทศ ซึ่งในการไปเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาในการจัดกระเป๋านานอยู่เหมือนกัน เพราะจะต้องมิกซ์แอนด์แมตช์ลุคในแต่ละวันให้เข้ากับสถานที่ที่จะไป เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปสวยๆ เทคนิคนี้ใครจะเอาไปใช้บ้างก็ไม่ว่ากัน

“เวลาที่ไปเที่ยวจะต้องเซ็ตไปเลยว่า ลุคนี้มีชิ้นไหนบ้าง แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เลย (หัวเราะ) เพราะเราต้องแมตช์ทุกอย่าง เครื่องประดับ หมวก รองเท้า แต่เราก็ต้องมีการวางแผน พลิกแพลงไอเทมที่เราขนไป เปลี่ยนเสื้อโค้ทเป็นแจ็กเกตหรือเน้นเปลี่ยนผ้าพันคอสวยๆ หรือไม่ก็ไปซื้อไอเทมเติมเอาให้สามารถแมตชิ่งกันพอดี

พี่จ๋อมชอบเอนจอยกับการไปเดินดูตลาด เดินดูสินค้าใหม่ๆ พักหลังไม่ค่อยซื้อแบรนด์เนมแล้วเพราะเราก็ใส่แต่เธียเตอร์ ใส่เสื้อผ้าที่เราออกแบบเอง เวลาไปเมืองนอกจะใส่เธียเตอร์ทั้งลุคเพราะเวลาคนถามซื้อโค้ทตัวนี้มากจากที่ไหน? หรือว่ากางเกงจากที่ไหน? เราก็ตอบว่า “ฉันทำเอง!” เหมือนวันนั้นเราได้หนึ่งแต้มละ

เช่นไปมิวเซียมเราก็แต่งเต็ม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เขาก็แค่เสื้อตัวกางเกงตัว แต่เราจัดหนักเดินออกไปตั้งแต่โรงแรมเลย ซึ่งอาจจะมีเรากับเพื่อน 2-3 คน เดิมมาเป็นกลุ่มแล้วแต่งตัวสีสันแมตชิ่งกัน ก็จะเกิดความสนุกไปอีกแบบนึง”


อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนนั้นสไตล์ของพี่จ๋อมอาจจะไม่ได้จัดจ้านขนาดนี้ แต่ด้วยการบ่มเพาะจากการเดินทางและสิ่งต่างๆ ที่พบเจอ ก็อาจทำให้มีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสไตล์เกิดขึ้น

“แต่ก่อนไม่ได้เป็นคนแต่งตัวแบบนี้ แต่ความที่เราโตขึ้นมีความรู้สึกว่า สีสันทำให้เกิดเอนเนอจี สมัยก่อนเราก็จะคลุมในเรื่องสีให้เป็นเอิร์ทโทนไม่ใส่สีที่ป๊อปมาก แต่พอตอนหลังรู้สึกว่าตัวเองชอบเสื้อผ้าลวดลายชอบสีของแอฟริกันมาก นำมาประดับอยู่ในผ้าพื้นเรียบและเอาผ้าของแอฟริกันมาแต่ง ทำให้ดูชิคและสนุก หรือบางทีเอาผ้าชิ้นๆ ที่เราซื้อจากเมืองต่างๆ มายำๆ ตัดเป็นเสื้อโดยที่ทุกชิ้นทุกอย่างเป็นสไตล์ของเราเอง”

อย่างที่คุ้นตากันกับสไตล์จัดหนักจัดเต็มของคุณพี่จ๋อม ด้วยสไตล์อันจี๊ดจ๊าดจัดจ้านนั้น คุณพี่จ๋อมบอกว่าก็ไม่ได้แคร์ใคร เพราะเป็นความชอบและมีความมั่นใจว่า ได้มิกซ์แอนด์แมตช์อย่างบรรจงแล้ว และการแต่งตัวยังถือเป็นเอนเนอจีดีๆ ของชีวิตคุณพี่จ๋อมด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น