นับถอยหลังสู่อีกหนึ่งเทศกาลแห่งสีสันของฝรั่ง แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็อิน อย่าง “ฮาโลวีน” อีเวนต์ที่ไม่ได้มีแต่อารมณ์ชวนหลอนอย่างที่คิด แต่เป็นเวทีแห่งการสาดไอเดียสร้างสรรค์ ผ่านการแต่งแฟนซีที่หลุดโลกของใครหลายคนอีกด้วย
พูดถึงการแต่งแฟนซี หนึ่งในคีย์ไอคอนของไทยที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ต้องยกให้ “จอม-ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์” อดีตบัตเลอร์ของโรงแรมชื่อดังในนิวยอร์ก ที่มีโอกาสร่วมงานกับไอคอนระดับโลก ที่เอ่ยชื่อมาใครๆ ก็รู้จัก อย่าง เซอร์ เอลตัน จอห์น และ เจียนนี เวอร์ซาเช่ มาแล้วไม่พอ ยังได้มีโอกาสกระทบไหล่แขกระดับวีวีไอพีมาไม่น้อย
ตลอดเวลา 9 ปีที่อยู่นิวยอร์ก ชีวิตของจอมแทบไม่เคยห่างไกลจากคำว่าสีสัน และความบันเทิงเริงรมย์แม้แต่วินาทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงอีเวนต์ในดวงใจ ที่สนุกและชวนให้ตั้งตาคอยทุกปี จอมขอเทใจให้ “ฮาโลวีน” โอกาสทองที่คนทั้งนิวยอร์กจะลุกขึ้นมาสลัดความเป็นตัวเอง เพื่อเป็นใครก็ได้ดั่งใจต้องการ!
ก่อนจะพาเพลินไปกับโลกอีกใบของจอม ลองไปทำความรู้จักกับเรื่องราวของอดีตบัตเลอร์สุดเปรี้ยวกันสักนิด
เอ่ยถึงอาชีพบัตเลอร์ คนไทยอาจไม่คุ้น งานนี้จอมเลยนิยามให้กระชับแบบเข้าใจง่าย ถึงภาระหน้าที่ของคนที่บัตเลอร์ว่า เป็นผู้เนรมิตทุกอย่างให้เจ้านายมีแต่ความสุขนั่นเอง จุดเปลี่ยนที่ทำให้จอมได้มาเป็นบัตเลอร์ ต้องบอกว่าฟ้าบันดาลบวกกับคาแรกเตอร์ที่แปลกไม่เหมือนใคร
“ตอนที่ไปเรียนต่อที่บอสตัน ด้วยความที่เราเป็นสายปาร์ตี้ แต่งตัวเก่ง เวลาไปเที่ยวทุกครั้งเราสนุกสุดเหวี่ยง ทั้งการแต่งตัวและลีลาการแดนซ์ สุดแค่ไหนคิดดูว่าเต้นจนได้รับการทาบทามจากเจ้าของผับ ให้มาเป็นแดนเซอร์ประจำ (หัวเราะ) ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนพอเรียนจบก็ย้ายมาทำงานที่นิวยอร์ก เพราะได้รับการทาบทามให้มาเป็นบัตเลอร์ที่โรงแรม St.Regis ซึ่งมีแต่คนดังระดับโลกเท่านั้นที่เข้าพัก”
หน้าที่หลักของจอมตอนนั้นคือ เป็นคนกลางระหว่างแขกกับทุกแผนก เรียกว่าถ้าแขกต้องการบริการอะไร ติดต่อบัตเลอร์ได้ จัดการเคลียร์ให้ เพราะฉะนั้น คนที่เป็นบัตเลอร์ต้องรอบรู้ทุกเรื่อง มารยาทสังคมต้องเป๊ะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ซึ่งก่อนจะมาถึงวันนี้ จอมก็ต้องผ่านการเทรนอย่างเข้มข้น กว่าจะได้อัปเลเวลจากจูเนียร์ บัตเลอร์ ไปเป็นหัวหน้าทีมบัตเลอร์ของ จานนี เวอร์ซาเช่ ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียน และผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นสุดหรู อย่าง เวอร์ซาเช่ (Versace) ซึ่งการทำงานกับจานนี ทำให้เขามีโอกาสพบกับแขกระดับวีวีไอพีมากมาย รวมทั้ง เอลตัน จอห์น ซึ่งรู้สึกถูกชะตากัน ดังนั้น หลังจากจานนีถูกฆาตกรรม จอมเลยได้ย้ายมาเป็นเฮดบัตเลอร์ให้กับ เอลตัน จอห์น ผู้ซึ่งจอมนิยามว่าใช้ชีวิตยิ่งกว่าราชา
จากประสบการณ์การทำงานกับโรงแรมที่มีมาตรฐานระดับโลก บวกกับความเป๊ะปังในการทำงานกับไอคอนของโลก ได้บ่มเพาะให้จอมมีดีเอ็นเอของการบริการเป็นเลิศ ชนิดที่หาตัวจับได้ยาก เพราะฉะนั้น เมื่อเขาตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย หลังจากใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกนับสิบปี เขาจึงนำประสบการณ์ที่เขาเชื่อว่าไม่มีใครเหมือน มาต่อยอดสู่ธุรกิจผู้ให้คำปรึกษาด้านบริการ กับธุรกิจที่ต้องมีการบริการเป็นกลไกขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ศูนย์การค้า หรือ ธุรกิจด้าน Hospitality
นอกจากนี้ ยังจัดคอร์สพิเศษ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพบริการ โดยร่วมกับโรงเรียนฝึกอบรมอาชีพของ โรงแรมตะวันนา และยังมีแผนจะปรับปรุงบ้านที่นครราชสีมา เป็นศูนย์ฝึกอบรมการให้บริการ ศูนย์ฝึกอาชีพโรงแรมและศูนย์รีทรีตอีกด้วย
“จอมเตรียมนำสูตรอาหารของคุณแม่มาปัดฝุ่น เพื่อต่อยอดเปิดร้านอาหารที่ อตก. จัดเชฟเทเบิล ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มเชิญเชฟดังๆ มารังสรรค์เมนูอาหารจากสูตรคุณแม่ให้น่าสนใจ ควบคู่ไปกับการทำแคเทอริง และธุรกิจดอกไม้ของครอบครัว”
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลากหลายภารกิจให้ต้องดูแล แต่จอมยืนยันว่า ยุ่งแค่ไหนก็ไม่ขอทิ้งแพสชั่นในการแต่งตัวแน่นอน
“ถ้าถามว่าเริ่มชอบแฟชั่นเพราะอะไร ตอบตรงๆ ซึมซับมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เตรียมอุดมฯแล้ว เราเป็นประธานชมรมการแสดง ก็จะมีโอกาสทำชุดละคร แสดงละครมาตลอด พอเข้าจุฬาฯ ก็ตั้งคณะคาบาเรต์ รับจ็อบเป็นช่างแต่งหน้า ทำสไตลิ่ง พอย้ายมาเรียนที่บอสตัน คราวนี้จัดเต็มเลย แต่งตัวหนักมาก ขนาดตอนหลังย้ายมานิวยอร์ก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งแฟชั่น ใครๆ ก็แต่งตัวจัด เพราะถ้าจะแต่งตัวแล้วหวังจะให้คนนิวยอร์กเหลียวมอง เป็นเรื่องยากมากๆ แต่จอมทำได้” จอมเล่าไปขำไป
ไหนๆ ก็วกมาเล่าถึงเรื่องแฟชั่นแล้ว งานนี้ จอมเลยถือโอกาสขยายความถึงบิ๊กอีเวนต์ในใจที่เกริ่นไว้ตอนต้น
“ฮาโลวีนของนิวยอร์ก ไม่เหมือนกับที่เมืองอื่นๆ ที่ทุกคนลุกขึ้นมาแต่งผี แต่ชาวนิยอร์กจะแต่งตัวเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็น ซึ่งเขาเรียกว่า (Alter ego) เป็นคืนที่สนุก และเต็มไปด้วยสีสัน เชื่อมั้ยว่า จากปกติชาวนิวยอร์กจะใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ แต่พอคืนฮาโลวีน ทุกคนสลายความเป็นตัวเองเพื่อเป็นอีกคน เวลาเจอกันตามปาร์ตี้ คลับ บาร์ ก็จะทักทายกัน ด้วยการถามว่า who are you แล้วก็หัวเราะ จอมเองสมัยอยู่นิวยอร์ก ฮาโลวีนเมื่อไหร่ ก็จะแต่งองค์ทรงเครื่องมาร่วมสนุกด้วย ยิ่งบ้านเราอยู่ใกล้ร้าน Ricky’s ซึ่งเป็นร้านขายของแฟนซีตลอดปี เราก็ทยอยซื้อไว้เลย เพราะไม่อย่างนั้นช่วงใกล้เทศกาล แถวจะยาวเหยียด
ที่สำคัญ ชาวนิวยอร์กจะให้เกียรติคนแต่งแฟนซีมาก ไม่ว่าไปเที่ยวไหนก็ไม่ต้องต่อแถว ไปไหนผู้คนก็ปรบมือให้ เพราะเขาถือว่าเป็นศิลปะ และชื่นชมคนที่พยายามแต่งตัวเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับคนที่พบเห็น ผิดกับบ้านเราที่บางครั้งจะหัวเราะ หรือว่าดูแปลกๆ (หัวเราะ)”
หลังจากกลับมาเมืองไทย ความชอบในการแต่งแฟนซีของจอม ก็ยังไม่จาง นับตั้งแต่สามารถคว้าตำแหน่ง Miss ACDC 2005 ซึ่งเปรียบเสมือนเวทีมิสยูนิเวิร์สของพวกเหล่าแดร็กควีนมาได้ และยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง gCircuit งานปาร์ตี้เกย์ระดับนานาชาติ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโซนเอเชีย กลายเป็นประตูแห่งโอกาส ที่ทำให้จอมได้เฉิดฉายในลุคแฟนซี ที่ไม่ว่าลุคไหนก็สะกดทุกสายตาอยู่ตลอด
“งาน gCircuit ทุกปี จอมจะแต่งแฟนซีให้เข้ากับธีมงาน เพื่อสร้างสีสันและเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกที่มาร่วมงาน ได้มาถ่ายรูปกับ จอม ซึ่งเปรียบเสมือนมาสคอต หรือแลนด์มาร์กของงานไปแล้ว ฉะนั้น ถ้าถามว่าวันนี้ทำไมจอมยังมีความสุขกับการแต่งแฟนซีอยู่ ก็เพราะมันมากกว่าความพอใจส่วนตัว แต่เราแต่งเพราะเราอยากสร้างความบันเทิง มอบความสุขให้คนอื่น ส่วนจะแต่งไปถึงเมื่อไหร่ ก็จนกว่ารูปร่างจะเผละจนแต่งไม่ได้ (หัวเราะ)”
สำหรับลุคที่อยากแต่งแต่ยังไม่มีโอกาสซักที “จอมคิดว่า ในวัย 50 ปี ถ้าหุ่นเป๊ะจริงๆ อยากแต่ง Cat Woman อีกสักครั้ง คือจริงๆ เคยแต่งแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่ปัง ส่วนที่ใครอดใจรอไม่ไหวไม่เป็นไร เพราะตอนนี้จอมเตรียมลุคที่จะไปสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่แน่นอน ในงานประกวด Miss ACDC ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 6 ปี รับรองว่าพิเศษสมการรอคอยแน่นอน ใครยังไม่มีบัตร จอมถือโอกาสทิ้งท้ายตรงนี้เลยว่า อย่าช้านะคะ”