ในแวดวงเซเลบริตีเมืองไทย นอกจากจะเห็นมหาเศรษฐีพันล้านร้อยล้านที่เกิดมาพร้อมกับความสวยหล่อพ่อรวยโปรไฟล์เริดแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้แค่รวยอย่างเดียว แต่ยังมีการศึกษาสูงระดับปริญญาเอก มหาดุษฎีบัณฑิต หรือ “ดอกเตอร์” เพิ่มมาอีกหนึ่งคุณสมบัติ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนที่มีพร้อมทุกสิ่ง ไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ จะทุ่มเวลาส่วนตัวอันมีค่าไปกับการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก จนมีดีกรีคำว่า “ดอกเตอร์” นำหน้าชื่อ และจะมีใครบ้างรีบตาม Celeb Online ไปชื่นชมความสามารถของพวกเขากันได้เลย
เริ่มที่ อาจารย์สาวประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย “แอน-ดร.สุทธาวรรณ จีระพันธุ” พี่สาวคนเก่งของเซเลบหน้าหวาน “เอ็ม-ศิรประภา” ที่ดีกรีไม่ธรรมดา ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้ไปศึกษาระดับปริญญาเอก ด้าน International Management and Marketing Strategy, University of Leeds, UK
ดอกเตอร์สาวคนเก่งเล่าถึงเหตุผลที่เรียนต่อปริญญาเอกว่า เพราะมีคุณพ่อ (ดร.สุทธิพร จีระพันธุ) เป็น Role Model คุณพ่อจบปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 24 ปี และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนที่จะมารับราชการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนเกษียณอายุราชการ เธอจึงเดินตามรอยคุณพ่อและจบปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 27 ปี
“ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อนๆ ชอบให้แอนติวหนังสือสอบ แอนเองก็สนุกกับการติวเพื่อนๆ จึงเป็นที่มาว่าแอนอยากเรียนปริญญาเอกและเป็นอาจารย์เหมือนคุณพ่อค่ะ”
ดร.แอนเล่าต่อว่า ตอนเรียนปริญญาเอกว่ายากแล้ว แต่การทำดุษฎีนิพนธ์ยากกว่าอีก แต่เมื่อชิ้นงานที่ทำนั้นจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการทางธุรกิจนำไปต่อยอด และทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“งานวิจัยที่แอนทำนั้นเป็นด้านธุรกิจระหว่างประเทศและกลยุทธ์การตลาด ตอนนี้แอนเป็นอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (ปีนี้ปีที่ 11) จึงนำมาใช้ได้ค่อนข้างมากในการเรียนการสอน รวมถึงมหาวิทยาลัยมีโครงการต่างๆ กับภาครัฐ ซึ่งแอนได้ช่วยให้คำปรึกษาผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ ตลอดจนการขยายตลาดไปต่างประเทศ และการจับคู่ทางธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศญี่ปุ่นและประเทศในกลุ่ม ASEAN และเวลาทราบว่าผู้ประกอบการที่เราให้คำปรึกษา หรือเข้าร่วมโครงการประสบความสำเร็จ เราก็จะยินดี มีความสุขไปด้วยค่ะ ประสบการณ์ที่ได้มาก็แชร์กับนักศึกษา เพื่อให้เข้าใจธุรกิจมากขึ้น” ดอกเตอร์คนเก่งอธิบายด้วยน้ำเสียงสดใส
เพราะที่บ้านมีดีกรีดอกเตอร์ถึง 2 คน ตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงพี่สาวคนโตของบ้าน จึงทำให้ อั๋น-ดร.ภูวนาท คุนผลิน ตัดสินใจศึกษาต่อปริญญาเอก หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจึงสำเร็จการศึกษาและมีคำว่า ดร.ภูวนาท ดังเช่นทุกวันนี้
ดร.อั๋นบอกว่า กว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาเอกได้นั้นต้องเรียนอยู่นานถึง 5 ปี จากแรกตั้งใจว่าจะจบเร็วกว่านั้น แต่เพราะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แถมยังต้องทำดุษฎีนิพนธ์อีก จึงทำให้จบช้ากว่าที่คิดไว้ ส่วนเหตุผลที่สนใจเรียนทางด้านนี้ ส่วนหนึ่งเคยคิดอยากจะลองเล่นการเมือง ลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร แต่ก็ต้องอดใจรอไว้ก่อนเพราะยังไม่พร้อมสำหรับการลงสนามการเมือง จึงตั้งใจอยากจะศึกษาปรัชญาทางด้านนี้ เพราะจะได้ทำให้รู้ว่าการจัดการของภาครัฐและเอกชนมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
“ตอนแรกที่เลือกเรียนด้านนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอกนี้คืออะไร ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ รีพับลิก แอดมิน ก็คือเหมือนกับการบริหารรัฐกิจ การบริหารกิจของรัฐ คือเรามองว่าเราเข้าใจภาคเอกชนมาพอสมควรเพราะเรามีประสบการณ์การทำงานภาคเอกชน และสาขานิเทศศาสตร์ที่เคยเรียนมาก็คือการตลาด ก็เลยสนใจด้านนี้ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เพราะปัจจุบันการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ก็เลยขอศึกษาเพิ่มเติม แต่พอเอกมันเป็นเรื่องปรัชญามันก็มีความยากล้ำลึกขึ้นไป แต่เราเลือกเรียนการจัดการของภาครัฐและเอกชน ดังนั้น จะเห็นความต่างของภาครัฐและเอกชนว่าเป็นอย่างไร และมีปรัชญาในการทำงานเหมือนหรือต่างกันอย่างไร” ดอกเตอร์คุณพ่อลูกหนึ่งอธิบาย
หากพูดถึงดอกเตอร์สาวสวยพ่อรวยแถมอายุยังน้อย คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “พิมพ์-ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล” สาวนักเรียนนอกคนเก่ง ทายาทคนโตของ “นพ.ประจักษ์-วราภรณ์ บุญจิตต์พิมล” สองผู้บริหารโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและการทำงานในวัยเพียง 26 ปี กับการเป็นเจ้าของธุรกิจความงาม Vital Glow Skin & Aesthetic ได้อย่างสมบรูณ์
ดร.พิมพ์เล่าว่า ที่บ้านมีกิจการโรงพยาบาลอยู่แล้ว และถึงแม้จะมีปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ รวมถึงปริญญาโท คณะยุโรปศึกษา จากจุฬาฯ และปริญญาโทใบที่ 2 สาขา International Health Management จากอิมพีเรียล คอลเลจ ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องการันตีความสามารถแล้ว แต่คุณพ่อก็ยังต้องการให้เธอเรียนรู้งานและหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะได้มาช่วยบริหารงานที่โรงพยาบาล ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจศึกษาปริญญาเอกในสาขาสาธารณสุขศาสตร์ (Public Health) จากจุฬาฯ เพิ่มอีกหนึ่งใบ
เธอบอกว่าการเรียนต่อปริญญาเอกสำหรับเธอเป็นงานที่ยากและเหนื่อยสุดๆ ในปริญญาทั้งหมดที่เคยเรียนมา แต่ด้วยเพราะความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ทุกอย่างจึงสำเร็จและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ที่เรียนเป็นสายเกี่ยวกับสุขภาพโดยตรง ตอนเรียนยังไม่เท่าไหร่นะ แต่ตอนทำทีสิสคือหนักเอาเรื่อง เราทำเรื่องเกี่ยวกับ 'การพัฒนาสมรรถภาพทางวัฒนธรรม' ให้กับพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน เพื่อต้อนรับเข้าสู่ AEC เราต้องศึกษาเอง รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ตอนทำทีสิสเสร็จปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่เปิด AEC พอดี คือมันเข้าจังหวะเวลาพอดี ทุกอย่างมันได้ใช้จริงๆ เราก็รู้สึกดีใจ หายเหนื่อย เพราะตั้งใจทำเพื่อให้เขาศึกษาจริงๆ ทุกอย่างมันวิน-วิน โอเคเลย” ดอกเตอร์คนสวยเปิดใจ
นอกจากจะลักกี้อินเลิฟแล้ว เจ้าบ่าวป้ายแดงอย่าง แดน เหตระกูล ยังลักกี้อินเกมฝุดๆ เพราะหลังจากที่ทุ่มเทกับการศึกษาต่อระดับชั้นปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อย่างหนัก ล่าสุดความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อเจ้าตัวสามารถสอบปกป้องดุษฎีนิพนธ์ด้วยการตอบคำถามเกี่ยวกับดุษฎีนิพนธ์ที่ตัวเองค้นคว้าขึ้นมาต่อหน้าอาจารย์และกรรมการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และเดือนสิงหาคมที่กำลังมาถึงนี้ หนุ่มแดนจะเข้ารับปริญญามหาดุษฎีบัณฑิต และเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็นดอกเตอร์ในทันที แถมว่าที่ดอกเตอร์คนใหม่ยังหมายมั่นปั้นมือว่าดุษฎีนิพนธ์ที่เจ้าตัวตั้งใจค้นคว้าและศึกษามานั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศชาติ และที่สำคัญใช้บริหารจัดการกับคนในครอบครัวได้อย่างสันติ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเซเลบอีกหลายคนที่ร่ำเรียนจนสำเร็จปริญญาเอก ได้เป็นดอกเตอร์ไฮโซพันล้าน อย่าง ท็อป-ดร.ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี เห็นเป็นหนุ่มเจ้าสำอางแบบนี้ เขาจบการศึกษาขั้นปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์อินเตอร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อีกหนุ่มเนื้อหอมดีกรีดอกเตอร์ด้านกฎหมาย “ดร.กร เกียรติเฟื่องฟู” ก็ไม่ธรรมดา เพราะหลังจากจบปริญญาโทด้านกฎหมายจาก Notre Dame อินเดียนา สหรัฐอเมริกา ก็รีบเรียนต่อปริญญาเอกด้านกฎหมาย สาขา Juris Doctor ที่ University of Notre Dame, Indiana, USA ทันที เพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายแน่นปึ้ก
ส่วนเจ้าแม่คริสปี้ครีมเมืองไทย “ตุ๊ก-ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ” ดีกรีก็ไม่ธรรมดา นอกจากจะเป็นนักบริหารแล้ว ยังรู้สึกว่าการมีแค่ปริญญาโททางด้านการบริหารธุรกิจยังไม่พอในการมาดูแลกิจการร้อยล้านของตัวเอง ดังนั้น เจ้าตัวจึงมุ่งหน้าศึกษาปริญญาเอกด้านการบริหารธุรกิจ จาก University of south Australia จนจบมาเป็น ดร.ตุ๊กอย่างทุกวันนี้
สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ วงการเซเลบก็จะมีว่าที่ดอกเตอร์อีก 2 คน คนแรกคือ ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2009 ซึ่งกำลังแบกความฝันของคุณพ่อในการคว้าปริญญาเอก หลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม (สหสาขาวิชา) จากจุฬาฯ มาครองให้สำเร็จ
อีกหนึ่งสาวเก่งที่มีแรงยุจากครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปให้ถึงปริญญาเอกคือ ดรีม-ดลนภา ธรรมวัฒนะ เอ็มดีของ บริษัท ดีบี กรุ๊ป ผู้นำเข้าแบรนด์ชีสเค้กสุดพรีเมียมจากเมืองโอตารุ เลอ ทาโอะ (Le Tao) พร้อมควบตำแหน่งผู้อำนวยการสายงานบริหารการตลาด บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น ผู้จำหน่าย บอดี้ โกลฟ ที่ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นสานฝันในโลกธุรกิจ ควบคู่ไปกับการเรียนปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ครึ่งทางแล้วเหลือเพียงการทำดุษฎีนิพนธ์เท่านั้น
เห็นไหมคะ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหน แต่ในชีวิตการศึกษาไม่มีใครแก่เกินเรียน มีแต่แก่เรียนเกินทั้งนั้นล่ะคร้า
เริ่มที่ อาจารย์สาวประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย “แอน-ดร.สุทธาวรรณ จีระพันธุ” พี่สาวคนเก่งของเซเลบหน้าหวาน “เอ็ม-ศิรประภา” ที่ดีกรีไม่ธรรมดา ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้ไปศึกษาระดับปริญญาเอก ด้าน International Management and Marketing Strategy, University of Leeds, UK
ดอกเตอร์สาวคนเก่งเล่าถึงเหตุผลที่เรียนต่อปริญญาเอกว่า เพราะมีคุณพ่อ (ดร.สุทธิพร จีระพันธุ) เป็น Role Model คุณพ่อจบปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 24 ปี และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนที่จะมารับราชการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนเกษียณอายุราชการ เธอจึงเดินตามรอยคุณพ่อและจบปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 27 ปี
“ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อนๆ ชอบให้แอนติวหนังสือสอบ แอนเองก็สนุกกับการติวเพื่อนๆ จึงเป็นที่มาว่าแอนอยากเรียนปริญญาเอกและเป็นอาจารย์เหมือนคุณพ่อค่ะ”
ดร.แอนเล่าต่อว่า ตอนเรียนปริญญาเอกว่ายากแล้ว แต่การทำดุษฎีนิพนธ์ยากกว่าอีก แต่เมื่อชิ้นงานที่ทำนั้นจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการทางธุรกิจนำไปต่อยอด และทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“งานวิจัยที่แอนทำนั้นเป็นด้านธุรกิจระหว่างประเทศและกลยุทธ์การตลาด ตอนนี้แอนเป็นอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (ปีนี้ปีที่ 11) จึงนำมาใช้ได้ค่อนข้างมากในการเรียนการสอน รวมถึงมหาวิทยาลัยมีโครงการต่างๆ กับภาครัฐ ซึ่งแอนได้ช่วยให้คำปรึกษาผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ ตลอดจนการขยายตลาดไปต่างประเทศ และการจับคู่ทางธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศญี่ปุ่นและประเทศในกลุ่ม ASEAN และเวลาทราบว่าผู้ประกอบการที่เราให้คำปรึกษา หรือเข้าร่วมโครงการประสบความสำเร็จ เราก็จะยินดี มีความสุขไปด้วยค่ะ ประสบการณ์ที่ได้มาก็แชร์กับนักศึกษา เพื่อให้เข้าใจธุรกิจมากขึ้น” ดอกเตอร์คนเก่งอธิบายด้วยน้ำเสียงสดใส
เพราะที่บ้านมีดีกรีดอกเตอร์ถึง 2 คน ตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงพี่สาวคนโตของบ้าน จึงทำให้ อั๋น-ดร.ภูวนาท คุนผลิน ตัดสินใจศึกษาต่อปริญญาเอก หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจึงสำเร็จการศึกษาและมีคำว่า ดร.ภูวนาท ดังเช่นทุกวันนี้
ดร.อั๋นบอกว่า กว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาเอกได้นั้นต้องเรียนอยู่นานถึง 5 ปี จากแรกตั้งใจว่าจะจบเร็วกว่านั้น แต่เพราะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แถมยังต้องทำดุษฎีนิพนธ์อีก จึงทำให้จบช้ากว่าที่คิดไว้ ส่วนเหตุผลที่สนใจเรียนทางด้านนี้ ส่วนหนึ่งเคยคิดอยากจะลองเล่นการเมือง ลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร แต่ก็ต้องอดใจรอไว้ก่อนเพราะยังไม่พร้อมสำหรับการลงสนามการเมือง จึงตั้งใจอยากจะศึกษาปรัชญาทางด้านนี้ เพราะจะได้ทำให้รู้ว่าการจัดการของภาครัฐและเอกชนมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
“ตอนแรกที่เลือกเรียนด้านนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอกนี้คืออะไร ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ รีพับลิก แอดมิน ก็คือเหมือนกับการบริหารรัฐกิจ การบริหารกิจของรัฐ คือเรามองว่าเราเข้าใจภาคเอกชนมาพอสมควรเพราะเรามีประสบการณ์การทำงานภาคเอกชน และสาขานิเทศศาสตร์ที่เคยเรียนมาก็คือการตลาด ก็เลยสนใจด้านนี้ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เพราะปัจจุบันการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ก็เลยขอศึกษาเพิ่มเติม แต่พอเอกมันเป็นเรื่องปรัชญามันก็มีความยากล้ำลึกขึ้นไป แต่เราเลือกเรียนการจัดการของภาครัฐและเอกชน ดังนั้น จะเห็นความต่างของภาครัฐและเอกชนว่าเป็นอย่างไร และมีปรัชญาในการทำงานเหมือนหรือต่างกันอย่างไร” ดอกเตอร์คุณพ่อลูกหนึ่งอธิบาย
หากพูดถึงดอกเตอร์สาวสวยพ่อรวยแถมอายุยังน้อย คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “พิมพ์-ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล” สาวนักเรียนนอกคนเก่ง ทายาทคนโตของ “นพ.ประจักษ์-วราภรณ์ บุญจิตต์พิมล” สองผู้บริหารโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและการทำงานในวัยเพียง 26 ปี กับการเป็นเจ้าของธุรกิจความงาม Vital Glow Skin & Aesthetic ได้อย่างสมบรูณ์
ดร.พิมพ์เล่าว่า ที่บ้านมีกิจการโรงพยาบาลอยู่แล้ว และถึงแม้จะมีปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ รวมถึงปริญญาโท คณะยุโรปศึกษา จากจุฬาฯ และปริญญาโทใบที่ 2 สาขา International Health Management จากอิมพีเรียล คอลเลจ ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องการันตีความสามารถแล้ว แต่คุณพ่อก็ยังต้องการให้เธอเรียนรู้งานและหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะได้มาช่วยบริหารงานที่โรงพยาบาล ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจศึกษาปริญญาเอกในสาขาสาธารณสุขศาสตร์ (Public Health) จากจุฬาฯ เพิ่มอีกหนึ่งใบ
เธอบอกว่าการเรียนต่อปริญญาเอกสำหรับเธอเป็นงานที่ยากและเหนื่อยสุดๆ ในปริญญาทั้งหมดที่เคยเรียนมา แต่ด้วยเพราะความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ทุกอย่างจึงสำเร็จและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ที่เรียนเป็นสายเกี่ยวกับสุขภาพโดยตรง ตอนเรียนยังไม่เท่าไหร่นะ แต่ตอนทำทีสิสคือหนักเอาเรื่อง เราทำเรื่องเกี่ยวกับ 'การพัฒนาสมรรถภาพทางวัฒนธรรม' ให้กับพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน เพื่อต้อนรับเข้าสู่ AEC เราต้องศึกษาเอง รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ตอนทำทีสิสเสร็จปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่เปิด AEC พอดี คือมันเข้าจังหวะเวลาพอดี ทุกอย่างมันได้ใช้จริงๆ เราก็รู้สึกดีใจ หายเหนื่อย เพราะตั้งใจทำเพื่อให้เขาศึกษาจริงๆ ทุกอย่างมันวิน-วิน โอเคเลย” ดอกเตอร์คนสวยเปิดใจ
นอกจากจะลักกี้อินเลิฟแล้ว เจ้าบ่าวป้ายแดงอย่าง แดน เหตระกูล ยังลักกี้อินเกมฝุดๆ เพราะหลังจากที่ทุ่มเทกับการศึกษาต่อระดับชั้นปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อย่างหนัก ล่าสุดความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อเจ้าตัวสามารถสอบปกป้องดุษฎีนิพนธ์ด้วยการตอบคำถามเกี่ยวกับดุษฎีนิพนธ์ที่ตัวเองค้นคว้าขึ้นมาต่อหน้าอาจารย์และกรรมการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และเดือนสิงหาคมที่กำลังมาถึงนี้ หนุ่มแดนจะเข้ารับปริญญามหาดุษฎีบัณฑิต และเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็นดอกเตอร์ในทันที แถมว่าที่ดอกเตอร์คนใหม่ยังหมายมั่นปั้นมือว่าดุษฎีนิพนธ์ที่เจ้าตัวตั้งใจค้นคว้าและศึกษามานั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศชาติ และที่สำคัญใช้บริหารจัดการกับคนในครอบครัวได้อย่างสันติ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเซเลบอีกหลายคนที่ร่ำเรียนจนสำเร็จปริญญาเอก ได้เป็นดอกเตอร์ไฮโซพันล้าน อย่าง ท็อป-ดร.ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี เห็นเป็นหนุ่มเจ้าสำอางแบบนี้ เขาจบการศึกษาขั้นปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์อินเตอร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อีกหนุ่มเนื้อหอมดีกรีดอกเตอร์ด้านกฎหมาย “ดร.กร เกียรติเฟื่องฟู” ก็ไม่ธรรมดา เพราะหลังจากจบปริญญาโทด้านกฎหมายจาก Notre Dame อินเดียนา สหรัฐอเมริกา ก็รีบเรียนต่อปริญญาเอกด้านกฎหมาย สาขา Juris Doctor ที่ University of Notre Dame, Indiana, USA ทันที เพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายแน่นปึ้ก
ส่วนเจ้าแม่คริสปี้ครีมเมืองไทย “ตุ๊ก-ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ” ดีกรีก็ไม่ธรรมดา นอกจากจะเป็นนักบริหารแล้ว ยังรู้สึกว่าการมีแค่ปริญญาโททางด้านการบริหารธุรกิจยังไม่พอในการมาดูแลกิจการร้อยล้านของตัวเอง ดังนั้น เจ้าตัวจึงมุ่งหน้าศึกษาปริญญาเอกด้านการบริหารธุรกิจ จาก University of south Australia จนจบมาเป็น ดร.ตุ๊กอย่างทุกวันนี้
สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ วงการเซเลบก็จะมีว่าที่ดอกเตอร์อีก 2 คน คนแรกคือ ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2009 ซึ่งกำลังแบกความฝันของคุณพ่อในการคว้าปริญญาเอก หลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม (สหสาขาวิชา) จากจุฬาฯ มาครองให้สำเร็จ
อีกหนึ่งสาวเก่งที่มีแรงยุจากครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปให้ถึงปริญญาเอกคือ ดรีม-ดลนภา ธรรมวัฒนะ เอ็มดีของ บริษัท ดีบี กรุ๊ป ผู้นำเข้าแบรนด์ชีสเค้กสุดพรีเมียมจากเมืองโอตารุ เลอ ทาโอะ (Le Tao) พร้อมควบตำแหน่งผู้อำนวยการสายงานบริหารการตลาด บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น ผู้จำหน่าย บอดี้ โกลฟ ที่ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นสานฝันในโลกธุรกิจ ควบคู่ไปกับการเรียนปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ครึ่งทางแล้วเหลือเพียงการทำดุษฎีนิพนธ์เท่านั้น
เห็นไหมคะ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหน แต่ในชีวิตการศึกษาไม่มีใครแก่เกินเรียน มีแต่แก่เรียนเกินทั้งนั้นล่ะคร้า