ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ ทุกคนจะมีของเล่นโปรดของตัวเอง เหล่ามหาเศรษฐีก็เช่นกัน หลายคนทุ่มซื้อของเล่นแสนแพงอย่าง นาฬิกา อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ซูเปอร์คาร์ หากแต่มหาเศรษฐีพันล้านหลายคนในเมืองไทย นอกจากเอาเงินที่เหลือใช้ทุ่มไปกับซื้อของเหล่านั้นแล้ว ก็ยังทุ่มเงินอีกกว่าพันล้านบาทในการซื้อของเล่นแสนแพงให้กับตัวเองอย่าง “เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว” ที่นอกจากจะเป็นเครื่องประดับประจำกาย ที่ต้องมีไว้เป็นพร็อบประดับบารมีแล้ว หากแต่ยังอำนวยความสะดวกในการเดินทาง เหมือนขึ้นทางด่วนปรื๊ดเดียวถึงที่หมายก่อนใครแถมยังสร้างประสบการณ์ไฮลักชัวรีที่น้อยคนจะมีอีกด้วย
วินาทีนี้ถ้าใครไม่รู้จัก เจ้าสัว วิชัย ศรีวัฒนประภา ท่านประธานใหญ่แห่งอาณาจักรคิง เพาเวอร์ ก็คงเชยไปเสียแล้ว ด้วยความที่ต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-ลอนดอนอยู่เป็นประจำ จึงต้องการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบกับเจ้าสัวต้องการให้รางวัลกับตัวเองที่เหนื่อยมาตลอดทั้งปี จึงทุ่มเงินกว่า 2,000 ล้านบาทซื้อของเล่นราคาแพงอย่าง เครื่องบินเจ็ต Gulfstream รุ่น G550 ให้กับตัวเอง โดยเครื่องบินลำนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด ห้องโดยสารจะปล่อยออกซิเจนออกมาทุกๆ 2 นาที ทำให้อากาศในนั้นเหมือนอยู่บนภาคพื้นดิน ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อย หรือเจ็ตแล็ก
แต่กว่าเจ้าสัววิชัยจะได้เครื่องบินลำนี้มาครอบครองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องจ่ายเงินแพงกว่ามหาเศรษฐีทั่วไปถึง 330 ล้านบาท เพราะถึงแม้ว่าเครื่องบินจะมีราคาสูงลิ่วแต่ด้วยออปชันที่เต็มขนาดนี้ มหาเศรษฐีทั่วโลกต่างจ้องมองตาเป็นมันเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ ดังนั้น ต้องใช้เวลาอีกถึง 4 ปีหลังจากที่จองไปแล้วจึงจะได้เป็นเจ้าของเครื่องบินลำนี้ แต่ด้วยความใจร้อนบวกกับอายุที่เริ่มมากขึ้น เจ้าสัววิชัยจึงยอมควักเงินในกระเป๋าเพิ่มอีกไม่กี่ร้อยล้านบาทจ่ายค่าคอมมิชชันเอเบนซีไปซื้อคิวคนจองก่อนหน้านี้มาให้ในทันที
เมื่อได้เครื่องบินลำนี้มาครองสมใจแล้ว เจ้าสัววิชัยได้ดัดแปลงเครื่องบินจาก 16 ที่นั่ง ให้เหลือเพียง 5-6 ที่นั่งเท่านั้น และสั่งให้ทำที่นั่งอีก 10 ที่ที่เหลือให้เปลี่ยนเป็นเตียงนอนเพื่อที่จะได้หลับได้สนิทมากขึ้นเวลาต้องบินในระยะไกล ทำให้ไม่เพลียเวลาลงจากเครื่องเพื่อเดินทางมาประชุมงาน เพราะเครื่องลำนี้บินได้สูงถึง 51,000 ฟุต ขณะที่เครื่องปกติบินได้ 35,000 ฟุต และบินได้นาน 15 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเติมน้ำมัน จึงเหมือนบินตรงขึ้นโทลล์เวย์ไปไม่ต้องรอคิว เซฟเวลาในชีวิตได้อีกมาก
ด้วยฐานะหน้าที่การงานจัดอยู่ในระดับนักธุรกิจการเมืองแถวหน้าเมืองไทย จึงทำให้ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ผู้กุมบังเหียนใหญ่แห่ง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น สามารถแสวงหาสิ่งของมีมูลค่ามาประดับบารมี อย่าง “เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวรุ่น” TBM 930 ภายใต้ทะเบียนไทย HS-SST มูลค่าหลายร้อยล้านบาท มาเป็นทรัพย์สินอันมีค่าได้อย่างไม่ยากเย็น แถมบางครั้งเจ้าตัวยังอาสาเป็นนักบินพาครอบครัวและคนที่รักไปยังจุดหมายต่างๆ อย่างรวดเร็วและแสนสบาย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเสี่ยหนูได้นำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบินไปเจรจาธุรกิจที่ต่างประเทศแบบเช้าไปเย็นกลับอยู่หลายครั้ง หรือแม้แต่ล่าสุดก็ได้พาลูกชาย เป๊ก-เศรณี และภรรยา จ๋า-ศศิธร บินตรงด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อไปแสดงความยินดีในความสำเร็จของลูกสาว น้องต้นสน-นัยน์ภัค ชาญวีรกูล ที่สำเร็จการศึกษาจาก Les Roches Golbal Hospitality Education ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว
แต่อีกหนึ่งความภูมิใจที่มากกว่าการได้เป็นเจ้าของเครื่องบินราคาแพงนั้น คือการนำมาทำประโยชน์ให้แก่สังคมส่วนรวม มีบ่อยครั้งที่เสี่ยหนูสวมหมวกเป็นนักบินพร้อมขับเครื่องบินส่วนตัวไปยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศเพื่อสร้างสะพานบุญครั้งใหญ่ ด้วยการนำ “หัวใจ” และอวัยวะ มาปลูกถ่ายต่อชีวิตให้หลายชีวิตที่รอคอย ณ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาฯ อีกด้วย ซึ่งก่อนการบินแต่ละครั้งเสี่ยหนูต้องทำการขออนุญาตหอบังคับการบินว่าจะบินผ่านเส้นทางใดบ้าง เพื่อให้นำอวัยวะมาถึงมือหมอและผู้ป่วยให้ไวที่สุด โดยที่ไม่ต้องไปอ้อมตามการบินทั่วไป
ด้วยความที่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับลอนดอนอันเป็นสถานที่ตั้งของออฟฟิศ Red Bull ที่เจ้าตัวกุมบังเหียนอยู่ “เฉลิม อยู่วิทยา” จึงซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไว้ใช้ในการเดินทางเจรจาธุรกิจ หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ มาดามปุ๋ง-ดารณี อยู่วิทยา ก็มักจะใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพาเดอะแก๊งคนสนิทไปเที่ยวเช็กอินยังสถานที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ
เพราะมีความฝันอยากเป็นกัปตันเครื่องบิน และชอบสะสมโมเดลเครื่องบินมาตั้งแต่วัยเยาว์ พอโตขึ้นมาหน่อยจึงทำให้ “กรณ์ ณรงค์เดช” ซีอีโอหนุ่มหล่อแห่ง KPN หันมาสะสมเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแทน โดยให้เหตุผลว่า เครื่องบินเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้น สามารถพาคนขึ้นไปบินได้ เอาเหล็กกี่พันตันขึ้นไปอยู่บนฟ้าได้ โดยเฉพาะเครื่องบินเจ็ตยังให้ความสะดวกสบายเวลาไปไหนมาไหน คือสามารถบินเร็วกว่าด้วย ถ้าบินปกติใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง แต่เครื่องบินส่วนตัวใช้เวลาชั่วโมงเดียว เพราะเครื่องลำเล็กสามารถบินในอัลติจูดที่สูงกว่า เลยบินได้เร็วกว่า ที่สำคัญเป็นงานอดิเรกอีกอย่างที่ประหยัดกว่าการสะสมรถ สะสมนาฬิกา เพราะลำหนึ่งราคาประมาณ 3,000 ล้านบาท แถมยังพาครอบครัวและเพื่อนฝูงหรือคนรักนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปเที่ยวที่ไหนก็ได้
เซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ ดีกรี CEO หนุ่มนักธุรกิจทองคำไฟแรงคนนี้นอกจากหล่อรวย โปรไฟล์เริด และมีแฟนเป็นดาราสุดเซ็กซี่อย่าง คริส หอวัง แล้ว หนุ่มเซนต์ยังมีของเล่นแสนแพงอย่างเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไว้พาเพื่อนๆ และคนที่รักไปเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่เกาะสมุยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
มาถึงหญิงสาวผู้เคยใช้บริการเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำ “แบงค์-กัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย” เจ้าของธุรกิจความงามอิมเมจินี่ และเดซี่ดีว่า คลินิก บอกว่า เคยนั่งเครื่องบินไพรเวตเจ็ตแบบ 8 ที่นั่ง ไปเที่ยวไหว้พระทำบุญและท่องเที่ยวที่ จ.ตราด อันเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม เต็มไปด้วยหมู่เกาะมากมาย แต่ค่อนข้างไปยากและใช้เวลาเดินทางครั้งละประมาณ 5-6 ชม. จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้ไป กระทั่งได้ไปร่วมทริปกับเดอะมอลล์จึงมีโอกาสได้พาครอบครัวไปไหว้พระทำบุญที่จังหวัดตราดด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งใช้เวลาบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปจังหวัดตราดเพียง 1 ชั่วโมง ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้เยอะเลยทีเดียว
ข้อควรรู้ก่อนนำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวขึ้นบิน
1. เวลาจะทำการบินจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางแต่ละแห่งนั้นต้องจัดทำแผนการบินส่งให้ศูนย์ควบคุมการบิน ณ สนามบินนั้นๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อแจ้งไปยังสนามบินปลายทางทราบ และอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้ เมื่ออนุญาตแล้วถึงจะทำการบินได้
2. ผู้โดยสารรวมทั้งนักบินต้องดำเนินการเรื่องหนังสือเดินทาง หากเป็นสนามบินต่างประเทศต้องมีหนังสือเดินทาง หรือ passport ทุกคน ถ้าเป็นประเทศที่ใช้วีซ่าด้วยก็ต้องขอวีซ่าให้เรียบร้อยก่อนจึงจะเข้าประเทศได้
3. นักบินที่จะทำการบินได้นั้นจะต้องมีใบรับรองจากสถาบันการบินพลเรือน
