เพราะมุ่งมั่นว่าจะกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ทำให้หลังจากคว้าปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาได้ไม่ทันไร “พราวด์-ม.ล.สิริสมร สวัสดิวัตน์” บุตรสาวคนสวยของ “ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ และ ดร.ทรงสมร สวัสดิวัตน์” ก็เตรียมโบกมือลาเมืองไทยไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษซะแล้ว
“จะไปเดือนหน้าแล้วค่ะ” สาวสวยโปรไฟล์ดีเปิดฉากเล่าถึงแผนการในอนาคตอันใกล้อย่างสดใสสมวัย “จริงๆ พราวด์เพิ่งเรียนจบเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่วางแผนไว้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแล้วค่ะว่าจะไปต่อยอดความรู้ พราวด์เลือกเรียนต่อด้าน Digital Media Education ที่ยูซีแอล เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งพราวด์สนใจเป็นพิเศษ เพราะที่บ้านเป็นเจ้าของโรงเรียนทรงวิทยา
ถามว่าเร็วไปมั้ย ก็เร็วค่ะ แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนบางคน เขาก็เริ่มทำงานกันแล้ว (หัวเราะ) เหตุผลที่พราวด์เลือกไปเรียนที่อังกฤษเพราะเรียนแค่ปีเดียวก็เรียนจบกลับมาแล้ว ที่สำคัญไปช่วงนี้มีเพื่อนไปกันหลายคน ถึงไม่ได้เรียนสาขาเดียวกัน แต่มหาวิทยาลัยก็อยู่ใกล้ๆ กัน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะค้นพบตัวเองว่าสนใจด้านการศึกษาอย่างจริงจัง เธอก็ไม่ต่างจากเด็กสาวทั่วไปที่ยังมองไม่เห็นเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน ทำให้ต้องเลือกทางเดินที่เปิดกว้างให้ตัวเองไว้ก่อน
“ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย พราวด์ลังเลระหว่าง อักษรฯ กับนิติฯ แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าชอบอะไร สุดท้ายเลยเลือกอักษรฯ ไปก่อนเพราะคิดว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้เยอะ แต่ถ้าเข้านิติฯ เป็นอาชีพตายตัว ถ้าไม่ชอบจะดิ้นไปไหนไม่ได้” พราวด์สะท้อนมุมมองในการเลือกเส้นทางเดินของชีวิต ก่อนเฉลยถึงวิชาเอกที่เลือกเรียน ซึ่งชวนให้เซอร์ไพรส์ไม่น้อย
“พราวด์เลือกปรัชญาเป็นวิชาเอก และเลือกสารสนเทศ (Information Studies) เป็นวิชาโท หลายคนถามว่าเรียนด้านสารสนเทศคืออะไร จริงๆ มันคือการจัดการฐานข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล ส่วนวิชาปรัชญาพราวด์มองว่าเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้ เพราะพราวด์เรียนทั้งปรัชญาตะวันตก ตะวันออก จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ อย่างสุนทรียศาสตร์เป็นวิชาที่สนใจมาก สอนให้เรารู้ว่า ทำไมคนเราถึงมองว่าภูเขาและทะเลสวยเหมือนกันหมด หรือทำไมมองว่าคนนี้สวยคนนี้ไม่สวย”
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถอธิบายได้เป็นรูปธรรมว่าสิ่งที่เรียนจะมาต่อยอด หรือเป็นประโยชน์กับการใช้ชีวิต หรือธุรกิจในอนาคตได้อย่างไร แต่สาวน้อยคิดบวกเชื่อว่าความรู้ที่สั่งสมไม่สูญเปล่า และอาจถูกนำมาใช้อย่างไม่รู้ตัว
สำหรับแผนในอนาคต เธอมุ่งมั่นจะนำความรู้กลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ซึ่งเธอมองว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
“หลังจากเรียนจบกลับมาพราวด์ตั้งใจว่าจะไปหาประสบการณ์ทำงานนอกบ้านสัก 2 ปีค่อยกลับมาลุยธุรกิจของครอบครัว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ท่านก็อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้ไปเรียนรู้ระบบงาน ลองไปเป็นลูกน้องก่อน ส่วนจะมาช่วยดูแลในส่วนไหน คงต้องรอดู แต่ที่แน่ๆ คือเป็นคุณครูไม่ได้แน่นอน เพราะว่าหนูสอนใครไม่เป็น และยังเขินด้วยหากต้องสอนนักเรียนหน้าชั้น”
อย่างไรก็ตาม นอกจากความฝันที่อยากกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว อีกหนึ่งแพสชันของสาวสวยที่คงไม่ต่างจากผู้หญิงหลายๆ คนคือ หลงใหลในศาสตร์ความงาม
“พราวด์ชอบแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอาง จนคุณพ่อยังแซวว่าทำไมไม่ไปเรียนด้าน cosmetology แต่พราวด์คิดว่าธุรกิจที่บ้านสำคัญกว่า เลยเลือกมาทางนี้ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางค่อยไปทำสิ่งที่ชอบ พราวด์ชอบดูคลิปสอนแต่งหน้า รีวิวเครื่องสำอาง โดยเฉพาะบล็อกเกอร์อเมริกัน ดูแล้วนำเทคนิคของเขามาใช้ เพราะบางวันก็อยากแต่งหน้าเป็นสาวฝรั่ง บางวันเป็นสาวเกาหลี หรือบางอารมณ์ก็นำมาผสมผสานกันบ้างก็มี พราวด์เป็นสายชอบซื้อ ชอบลอง แต่ยังไม่คิดถึงขั้นว่าจะสร้างแบรนด์ หรือทำบล็อกของตัวเอง”
ส่วนเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว แน่นอนว่าสาวๆ ก็ต้องชอบเป็นธรรมดา แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องความสวยความงาม พราวด์ยอมรับว่าเสียทรัพย์ให้อย่างหลังมากกว่า
“แฟชั่นก็ชอบค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อบ่อยขนาดเครื่องสำอาง อาจเพราะพราวด์มีพี่สาว (เฟม-ม.ล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์) ถึงจะห่างกัน 9 ปี แต่เสื้อผ้าก็ยังยืมกันใส่ได้ ไซส์ใกล้ๆ กัน ส่วนใหญ่สไตล์การแต่งตัวของพราวด์จะเน้นเรียบๆ ชอบใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ สีมีแค่ขาว ดำ ครีม ถ้าต้องออกงาน จะเป็นสมาร์ท เรียบๆ”
แย้มถึงพี่สาวทั้งที เลยอดถามถึงความสนิทสนมของสองสาวสวยไม่ได้ งานนี้พราวด์ยอมรับแต่โดยดีว่า “กับพี่เฟมมาสนิทกันตอนพราวด์เริ่มเป็นวัยรุ่นค่ะ (ยิ้ม) เพราะสมัยก่อนตอนพี่เฟมอยู่มัธยม พราวด์ยังประถม จะติดขี้ฟ้อง เอาความลับของพี่ไปฟ้องแม่ (หัวเราะ) จนพราวด์ขึ้นมัธยมเริ่มเข้าใจความเป็นวัยรุ่นของพี่มากขึ้น เลยมาสนิทกัน”
สำหรับกิจกรรมยามว่างตามประสาวัยรุ่น พราวด์ยกให้การตระเวนไปตามคาเฟ่เก๋ๆ กับเพื่อน
“เรื่องถ่ายรูปไม่เท่าไหร่ แต่แต่งภาพขอให้บอก 1 รูปผ่านอย่างน้อยสองแอปฯ เริ่มจากแต่งแสงก่อน จากนั้นค่อยใช้แอปฯ ช่วยกำจัดส่วนเกิน เช่น ถ้าแก้มออกมากไปต้องลดหน่อย (หัวเราะ) อย่างอินสตาแกรมพราวด์จะคุมธีมเลยนะ บางครั้งถ่ายรูปมายังไม่ลง รอให้เหมาะสมกับโอกาส เข้ากับธีมและโทนก่อนค่อยลง”
นอกจากจะชอบไปเช็กอินตามคาเฟ่เก๋ๆ แล้ว การเดินทางยังเป็นอีกกิจกรรมที่เธอตกหลุมรัก
“สมัยก่อนเกาหลีเป็นประเทศที่ไปบ่อยมาก ไปทุกปิดเทอมเพราะเป็นติ่ง (หัวเราะ) ชอบนักร้อง ดูซีรีส์ แต่ตอนนี้เริ่มเบาลง เหลือแค่ดูซีรีส์ ถ้าไปเกาหลีพลาดไม่ได้คือต้องไปชิลตามคาเฟ่น่ารักๆ ไปชอปเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และสกินแคร์ โดยเฉพาะที่เป็นกลิ่นโสม แต่ถ้าไปกับที่บ้านส่วนใหญ่จะไปญี่ปุ่น ไปบ่อยมาก แต่เปลี่ยนเมืองไปเรื่อยๆ”
ส่วนทริปกับเพื่อน พราวด์นึกถึงทริปยุโรปล่าสุด ที่จูงมือก๊วนเพื่อนสาว 4 คนไปตะลุยสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส 20 วัน
“เวลาไปทริปกับเพื่อนจะเป็นแนวช่วยกันเลือกว่าอยากไปไหน แต่พราวด์จะไม่ได้ออกแนวหัวหน้าทริป จะเป็นลูกทัวร์มากกว่า อย่างไปทริปยาวๆ เราจะแบ่งหน้าที่กัน ช่วยกันจองโรงแรม ถ้าโรงแรมไม่ดีจะได้โทษถูกคน (หัวเราะ) อย่างทริปที่ไปมาล่าสุด จริงๆ มีหลายคนเตือนเรื่องขโมย โชคดีเราไม่เจอปัญหา ที่เจอคือตอนไปฝรั่งเศส ปรากฏว่าบ้านพักที่จองผ่านแอร์บีเอ็นบีมีปัญหา เลยต้องเปลี่ยนแผนไปพักโรงแรม
สำหรับเทคนิคการดูแลตัวเองง่ายๆ ฉบับวัยทีน พราวด์บอกว่า ถ้าเป็นเรื่องรูปร่างตอนนี้มาเริ่มปั่นจักรยาน ส่วนเรื่องผิว เน้นดูแลความสะอาดอย่างถูกวิธี ที่สำคัญต้องรู้ธรรมชาติผิวตัวเอง จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ถูกกับผิว